การรับมือกับแรงกดดันในตลาดหุ้น
หนึ่งในความท้าทายสำคัญที่ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่เรื่องง่าย คือแรงกดดันที่เกิดจากการนำเงินที่เราทำงานหนักสะสมไว้ไปลงทุน เมื่อเผชิญกับความผันผวนของตลาด ย่อมทำให้เราเครียดและตัดสินใจได้ยากขึ้น เนื่องจากธรรมชาติของมนุษย์มักสูญเสียทักษะการตัดสินใจเมื่อรู้สึกกดดัน การจัดการแรงกดดันเหล่านี้สามารถทำได้ด้วยวิธีหลัก 3 ข้อดังนี้:
1. ตัดสินใจล่วงหน้า
การเตรียมพร้อมด้วยการวิเคราะห์หุ้นล่วงหน้าเป็นนิสัยสำคัญของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ โดยครอบคลุมทั้งการค้นหาหุ้นที่น่าสนใจ และวางแผนการซื้อขาย เช่น หุ้นตัวไหนควรถือ หุ้นตัวไหนควรขาย รวมถึงกำหนดจุด Stop Loss และ Take Profit
การวางแผนเหล่านี้ควรทำในช่วงตลาดปิด เพราะในเวลานั้นเราจะไม่ถูกชักจูงด้วยอารมณ์ความโลภหรือความกลัวที่เกิดจากราคาหุ้นขึ้นลงระหว่างวัน หลังจากตัดสินใจแล้ว ควรจดบันทึกแผนที่ชัดเจน เช่น จะซื้อหุ้นตัวไหน ปรับพอร์ตอย่างไร
นอกจากนี้ การมี ปรัชญาการลงทุน ของตัวเองก็สำคัญ เช่น ไม่ซื้อหุ้นที่ขาดทุนต่อเนื่อง หรือไม่ลงทุนในหุ้นที่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย MA200 ซึ่งเป็นสัญญาณขาลง การมีปรัชญาจะช่วยลดความซับซ้อนและทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในสถานการณ์ที่กดดัน
2. ฝึกฝนจิตใจ
ตลาดหุ้นไม่เหมาะกับคนที่กลัวความเสี่ยงจนเกินไป แม้ว่าธรรมชาติของมนุษย์มักหลีกเลี่ยงความเสี่ยง เช่น หากมีตัวเลือกระหว่างโอกาส 50% ที่จะได้เงิน 5 ล้านบาท กับโอกาส 85% ที่จะได้เงิน 1 ล้านบาท คนส่วนใหญ่มักเลือกตัวเลือกที่สอง
การลงทุนในตลาดหุ้นต้องเตรียมใจรับความเสี่ยงอย่างน้อยในระดับที่พอร์ตลงทุนอาจลดลงถึง 50% ในช่วงตลาดขาลง แม้ว่าการวางแผน Money Management อย่างรอบคอบจะช่วยลดความผันผวนได้ แต่การเตรียมใจรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายจะช่วยให้เราสงบมากขึ้นเมื่อขาดทุน
ในขณะที่เรายังไม่สามารถจัดการจิตใจได้ดีพอ ควรมีคนที่ไว้ใจได้เพื่อพูดคุยปรับทุกข์เมื่อเกิดความสูญเสีย การทำเช่นนี้จะช่วยป้องกันการโทษตัวเองหรือทำให้เกิดความคิดซ้ำไปซ้ำมาที่นำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาดในอนาคต
อย่างไรก็ตาม หากอยู่ในตลาดนานพอและเรียนรู้จากความผิดพลาด เราจะเริ่มเข้าใจความผันผวนและพัฒนาสภาพจิตใจให้แข็งแกร่งขึ้นได้เอง
3. กระจายความเสี่ยงในชีวิต
หลายคนใฝ่ฝันที่จะลาออกจากงานประจำเพื่อเป็น Full-Time Trader แต่ในความเป็นจริง การมีรายได้จากงานประจำหรือธุรกิจอื่นควบคู่ไปด้วยเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นของการลงทุน
การต้องพึ่งพากำไรจากการลงทุนเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จะสร้างแรงกดดันมหาศาลให้เรา ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจผิด เช่น การขายหุ้นเร็วเกินไป หรือการตัดขาดทุนที่สั้นเกินความเหมาะสม
หากต้องการเป็น Full-Time Trader จริงๆ ควรมั่นใจว่ามีสินทรัพย์มากพอที่จะรองรับค่าใช้จ่ายในระยะยาว ตัวอย่างเช่น การมีสินทรัพย์ประมาณ 300 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน จะช่วยลดความกดดันได้ หากเรามีค่าใช้จ่าย 20,000 บาทต่อเดือน ควรมีเงินลงทุนอย่างน้อย 6 ล้านบาทก่อนตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทาง
สรุป
การรับมือแรงกดดันในตลาดหุ้นต้องอาศัยการวางแผนล่วงหน้า การฝึกฝนจิตใจให้แข็งแกร่ง และการกระจายความเสี่ยงในชีวิต การผสมผสานทั้งสามวิธีนี้จะช่วยให้นักลงทุนรับมือกับความผันผวนของตลาดได้ดีขึ้น และตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว