thansettakij
จับตาการมาของ GULF ครั้งใหม่ Synergy หนุนอนาคตไกล คงราคาพรีเมี่ยม

จับตาการมาของ GULF ครั้งใหม่ Synergy หนุนอนาคตไกล คงราคาพรีเมี่ยม

02 เม.ย. 2568 | 09:14 น.
อัปเดตล่าสุด :02 เม.ย. 2568 | 09:14 น.

GULF เทรดใหม่ 3 เม.ย. นี้ หลังควบรวม INTUCH แล้วเสร็จ นักวิเคราะห์ชี้ระยะยาวสดใส ราคาหุ้นยังเทรดระดับพรีเมี่ยม พร้อมส่งแนวโน้มกำไรปี 68-70 โตเฉลี่ย 18%

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) เปิดเผยว่า มุมมองต่อหุ้น บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF หลังจากการควบรวมกิจการกับบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH แล้วเสร็จและกลับมาเทรดอีกครั้งในวันที่ 3 เมษายน 2568 นี้นั้น

มองว่าไม่ว่าหุ้นตัวใดที่มีการควบรวมกิจการย่อมเป็นผลดีในระยะยาว (Long Term) เกิดภาพเชิงบวกต่อการนำเอาความเชี่ยวชาญและความรู้ (Know how) ของทั้งสองฝ่ายมาผนวกเข้าด้วยกัน เกิดการ Synergy ทางธุรกิจในระยะถัดไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีทั้งในแง่ของความแข็งแกร่ง เงินทุน และการเติบโตทางธุรกิจ

แต่ในระยะสั้นอาจเป็นเรื่องที่ตอบได้ยาก เพราะต้องใช้ระบะเวลาในการปรับโครงสร้างภายในของทั้ง 2 ฝ่ายเข้าด้วยกัน ดังนั้น จึงคาดการณ์ราคาเป้าหมายค่อนข้างลำบาก ต้องรอดูว่าหลังจากนี้โครงสร้างธุรกิจจะเป็นไปในทิศทางใด ต้องยอมรับว่าในช่วงก่อนหน้านี้ทั้ง GULF และ INTUCH ในแง่ของ Valuation ถูกปรับฐานลงมาในระดับหนึ่งแล้ว

"ทั้ง GULF และ INTUCH  เป็นหุ้นที่เล่นอยู่บน Valuation ที่ไม่ได้ถูกนัก ธุรกิจมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ทำให้ P/E Ratio ไม่ถูก ที่ผ่านมาราคาหุ้นถูกเล่นอยู่บนความคาดหวังมทำให้ราคาจึงค่อนข้างพรีเมี่ยมมากกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน และการกลับมาเทรดใหม่ในครั้งนี้คาดว่าราคาหุ้นยังคงพรีเมี่ยมอยู่"

ส่วนการลงทุนใน Data Center นั้น มองว่าเป็นเทรนด์ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ การลงทุนของ GULF ในครั้งนี้นับว่าไม่ได้เป็นการฉีกออกไปจากธุรกิจเดิม อีกทั้งด้วย Data Center มีความต้องการใช้ไฟฟ้าอย่างมาก ซึ่งจุดนี้ GULF มีพร้อมรองรับ ทำให้เป็นผลบวกต่อธุรกิจในอนาคต

อีกทั้งจากการก้าวเข้ามาเป็นผู้เล่นรายแรกๆ ของไทย ยิ่งทำให้โอกาสในการเป็นผู้นำนั้นสูง การแข่งขันในประเทศน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นการแข่งขันกับต่างประเทศมากกว่า ดังนั้นแล้วจึงเป็นผลบวกต่อ GULF ในแง่การลงทุนที่อาจต้องใช้ทุนเยอะ เชื่อว่า GULF มีความพร้อมทั้งในแง่ของเงินทุนและความรู้

กูรูมองบวก GULF คงพื้นฐาน 68.25บ.

นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส เผยมุมมองต่อ GULF ว่า โครงสร้างธุรกิจหลังควบรวม แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน สัดส่วน 60% ของกำไร และกลุ่มธุรกิจดิจิทัล 40% ของกำไร โดยกลยุทธ์หลักยังคงเน้นน้ำหนักไปที่กลุ่มพลังงาน

แต่ในขณะเดียวกัน GULF ก็ยังคงมองการลงทุนไปยังธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆ นอกเหนืองจากธุรกิจดังเดิมโรงไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น อาทิ Data Center เป็นต้น โดยผลบวกจากการควบรวมคาดจะช่วยด้านการปรับโครงสร้าง ทำให้การบริหารจัดการภายในกลุ่มบริษัทฯ มีความคล่องตัว พร้อมโอกาสเกิด synergy ใหม่ๆในระยะยาว

ในแง่ของการสร้างกำไร คาดจะรับรู้กำไรส่วนเพิ่มจากการถือหุ้น 40% ใน ADVANC(เดิม 20%) เข้ามาเพิ่มเติมกว่า 3.8 พันล้านบาท/ปี (อิงจากส่วนแบ่งกำไรที่คาดเพิ่มขึ้นจากเดิมราว 8.3 พันล้านบาท หักด้วยค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์ไม่มีตัวตนราว 4.0 พันล้านบาท)

ด้านสถานะทางการเงิน คาดจะช่วยให้GULF มีอัตราส่วน NET IBD/E ลดลงมาอยู่ราว 0.8 เท่าจากเดิม 1.8 เท่า และอันดับเครดิตเรตติ้งเพิ่มขึ้นจาก A+ เป็น AA- ซึ่งคาดจะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินลดลงจากเดิมที่ต้นทุนหุ้นกู้อยู่ราว 3% 

ฝ่ายวิจัยเอเซียพลัส คงมูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2568 ของ GULF อยู่ที่ 68.25 บาท/หุ้น คงคำแนะนำ Outperform จากความโดดเด่นด้านปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว พร้อมโอกาสเกิด synergyในธุรกิจใหม่ๆ ที่ยังไม่ถูกรวมไว้ในประมาณการ เน้นหาจังหวะเข้าสะสมลงทุนระยะยาว

กำไรปี 68-70 โต 18%

บล.กรุงศรี ระบุว่า ฝ่ายวิจัยเริ่มต้นคำแนะนำซื้อหุ้น GULF (NewCo) ให้ราคาเป้าหมายที่ 56.5 บาท โดย GULF ยังเป็นผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าที่มีความ Secured บนสัญญารูปแบบ IPP และ Renewables, มี MW growth ต่อเนื่อง, รวมถึงมีการเติบโตทั้งในแง่ของกำไรและ Operating Cashflow จากการควบรวมธุรกิจ Telecom 

ฝ่ายวิจัยกรุงศรี คาดกำไรปกติปี 2568-2570 ของ GULF (NewCo) ทำจุดสูงสุดต่อเนื่องบนการเติบโตเฉลี่ย 18% CAGR จาก Equity MW ของโรงไฟฟ้าใหม่ที่กำลังทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ หรือ COD ในปี 2568-2570 รวม 2,535 MW, การเติบโตของส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC ราว 5% ต่อปี

และคาดอัตรากำไรขั้นต้นเริ่มปรับตัวดีขึ้นจากต้นทุนเชื้อเพลิงก๊าซลดลงในปี 2569-2570 ไปอยู่ที่บริเวณ 302 และ 281 เหรียญต่อ MMBTU โดยประมาณการปัจจุบันยังไม่รวม Upside จาก Potential project บนพลังงานหมุนเวียนหลังควบรวม ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะคิดเป็นกำไรส่วนเพิ่มราว 34-64% ของประมาณการปี 2569