"สาระ ล่ำซำ" แจง Copayment มีผลลูกค้าใหม่-กรมธรรม์ใหม่ เริ่ม 20 มี.ค.68

24 ม.ค. 2568 | 13:29 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ม.ค. 2568 | 13:29 น.
686

"สาระ ล่ำซำ" ยิ้มเบี้ยประกันภัยรับรวมปี 67 แตะ 7.18 หมื่นล้าน โต 13% จากปีก่อน แจง Copayment มีผลบังคับใช้เฉพาะลูกค้าใหม่ เริ่ม 20 มี.ค.68 นี้ ยันลูกค้าเก่าไม่มีผล

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL เปิดเผยว่า กรณีการกำหนดหลักเกณฑ์การให้มีค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) ของสัญญาประกันภัยสุขภาพนั้น ในส่วนของเมืองไทยประกันชีวิต จะมีการบังคับใช้ Copayment ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2568

โดยเกณฑ์ใหม่ดังกล่าวจะมีผลเฉพาะกับลูกค้าใหม่ และกรมธรรม์ใหม่เท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีผลต่อลูกค้าเก่า และ กรมธรรม์เก่าแต่อย่างใด ในส่วนของรายละเอียดอาจต้องรอทางนายกสมาคมประกันชีวิตไทย (TLAA) แถลงข่าวในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568

ปี 67 เบี้ยประกันภัยโต13%

ในส่วนของการดำเนินงานในปี 2567 ของเมืองไทยประกันชีวิตนั้น บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวมกว่า 71,800 ล้านบาท หรือ เติบโต 13% ซึ่งเป็นการเติบโตในกลุ่มสินค้าหลัก เช่น Shield Life (ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ประกันชีวิตแบบภายในระยะเวลา และประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์) เติบโต 42%

และแบบประกันคุ้มครองโรคร้ายแรง (รายเดี่ยว) เติบโต 24% ทางด้านคะแนน NPS (Net Promoter Score) สูงขึ้นจาก 58 คะแนน เป็น 75 คะแนน 
 

ขณะที่ธุรกิจในแถบ CLMV ยังมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีนโยบายมุ่งเติบโตสู่ระดับภูมิภาค (Go regional) ปัจจุบันมีการขยายการลงทุนไปที่การเข้าถือหุ้นใน 2 บริษัทประกันภัยของกัมพูชา ครอบคลุมธุรกิจประกันชีวิต และประกันวินาศภัย โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 2 ของอุตสาหกรรม

พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีการร่วมทุนในบริษัท ST-Muang Thai Insurance ใน สปป.ลาว ประกอบธุรกิจได้ทั้งประกันชีวิต และ ประกันวินาศภัย โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรม สำหรับเวียดนามได้ร่วมทุนในบริษัท MB Ageas Life โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 2 ของอุตสาหกรรม

  • สาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL

ด้านอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน ณ สิ้นปี 2567 นั้น อยู่ที่มากกว่า 350% สูงกว่าระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามเกณฑ์ที่หน่วยงานกำกับดูแลกำหนดที่ 140% บริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ และ ความแข็งแกร่งทางการเงินจาก S&P Global Ratings ที่ระดับ BBB+ (Stable Outlook) และ Fitch Ratings ที่ระดับ A และ AAA(tha) (Stable Outlook)

ในปี 2568 นี้ เมืองไทยประกันชีวิตยังคงตอกย้ำตัวตนในการเป็นแบรนด์แห่งการสร้างความสุข และ รอยยิ้มที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง พร้อมยกระดับการส่งมอบความสุขผ่านกลยุทธ์ "Boost Your Happiness by Our People" บูสท์ความสุขของคุณด้วยคนของเมืองไทยประกันชีวิต ด้วยการเดินหน้าพัฒนาองค์กรในทุกภาคส่วน

โดยมีเป้าหมายร่วมกัน คือ การส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าทุกท่าน ด้วยความเป็นมืออาชีพ (Professionalism & Expertise) ความโปร่งใส และ ความสะดวกสบาย (Transparency & Convenience) และความไว้วางใจ (Commitment & Trust) ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในทุกช่วงชีวิต ประสบการณ์การบริการแบบไร้รอยต่อ (Seamless Experience) และคำมั่นสัญญาตลอดชีวิต (Lifelong Commitment) ผสานกันอย่างลงตัวเพื่อตอบโจทย์ในทุกความเป็นคุณ

ประกอบกับบริษัทเดินหน้าพัฒนาองค์กรทุกภาคส่วนด้วยการพัฒนาพนักงาน และ ฝ่ายขายให้มีความสามารถรอบด้าน เพิ่มทักษะการใช้ข้อมูล และ ปัญญาประดิษฐ์ผสมผสานอยู่ในทุกกระบวนการทำงาน (Data & Al Literacy) ทักษะด้านการสื่อสารและการบริหาร (Soft Skills) ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (Expert Knowledge) และ ความเชี่ยวชาญในหลายมิติ (Cross-Domain Expert Knowledge) ควบคู่ไปกับสร้างความสุขจากภายในองค์กรให้กับ “คนของเรา” ที่มีความหลากหลายให้ทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว

โดยมีเป้าหมายร่วมกัน คือ การส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าคนสำคัญ ซึ่งคนของเราพร้อมส่งมอบความสุขให้แก่ลูกค้าผ่านการวางแผนสำหรับทุกช่วงของชีวิต ทั้งการวางแผนทางการเงิน การวางแผนเกษียณ การวางแผนสุขภาพ และ การวางแผนมรดก ด้วยความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต ประกันชีวิตแบบบำนาญ ประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง ประกันอุบัติเหตุ และ ประกันชีวิตควบการลงทุน รวมถึงฟีเจอร์พิเศษทั้งความยืดหยุ่นด้วยรูปแบบความ คุ้มครองที่ปรับแต่งได้ (Modular Design) ความคุ้มครองที่ปรับได้ตามช่วงชีวิตของลูกค้า (Convertible Option) และ การเติมเต็มความคุ้มครองที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น (Plus)

อย่างไรก็ตาม คนของเราพร้อมส่งต่อประสบการณ์ไร้รอยต่อผ่านบริการในของทางต่าง ๆ ตั้งแต่การซื้อประกันภัยที่สามารถเข้าถึงได้ทุกคนได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งช่องทางตัวแทน ช่องทางธนาคาร ช่องทางการขายผ่านโทรศัพท์ ช่องทางออนไลน์ และ พาร์ทเนอร์ต่าง ๆ รวมถึงการให้บริการที่ครบวงจร และ เข้าถึงได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นช่องทางสาขา Call Center 1766 แอปพลิเคชัน MTL Click เมืองไทยสไมล์คลับ และ MTL Fit เป็นต้น นอกจากนี้ ลูกค้ายังจะได้รับความสะดวกสบายด้วยการทำธุรกรรมทางกรมธรรม์ และ บริการหลังการขาย ไม่ว่าจะเป็นระบบ e-Payment หรือ e-Document เป็นต้น

"ธุรกิจประกันชีวิตเป็นธุรกิจที่ให้ความคุ้มครองแก่ลูกค้าในระยะยาว ดังนั้น เมืองไทย ประกันชีวิต จึงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกก้าว ภายใต้การกำกับดูแลกิจการ และ การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงการสร้างสมดุลทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม และ มิติบรรษัทภิบาล (ESG) โดยเฉพาะในส่วนของมิติสังคม บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าในการพัฒนาแบบประกันภัยที่ช่วยตอบโจทย์การเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุกคน (Democratize Insurance) พร้อมสร้างความรู้ด้านการวางแผนการเงิน และ ประกันภัย (Financial & Insurance Literacy) ให้กับประชาชนทั่วไป และ การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอย่างยั่งยืน"

ด้านมิติสิ่งแวดล้อม เมืองไทยประกันชีวิต ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก ได้ร่วมสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนผ่านโลกของเราประกาศความมุ่งมั่นในการปลอยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Commitment) ด้วยเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์จากการดำเนินงานของบริษัทฯ (ขอบแขตที่ 1 และ 2)” ภายในปี 2573 (2030) ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินงานภายในบริษัท