ก.ล.ต. ปรับเกณฑ์นำสินทรัพย์ดิจิทัลใช้ชำระค่าสินค้า-บริการ

03 ก.ย. 2567 | 14:29 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ก.ย. 2567 | 14:37 น.

ก.ล.ต. ปรับปรุงหลักเกณฑ์การนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ และหลักเกณฑ์รองรับโครงการ Sandbox ของ ธปท.มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2567

ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องและผู้สนใจ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 เกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต้องไม่มีลักษณะเป็น MOP ให้ครอบคลุมธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทุกประเภท

ก.ล.ต. ปรับเกณฑ์นำสินทรัพย์ดิจิทัลใช้ชำระค่าสินค้า-บริการ

และการปรับปรุงหลักเกณฑ์เพื่อให้ผู้ประกอบการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. สามารถเข้าร่วมโครงการ Programmable Payment Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ เพื่อส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินดิจิทัล

โดยผู้แสดงความเห็นส่วนใหญ่เห็นด้วย ก.ล.ต. จึงออกประกาศ* โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

               (1) ปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต้องไม่มีลักษณะเป็น MOP เพื่อขยายขอบเขตให้ครอบคลุมผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Custodial Wallet Provider) ซึ่งเป็นธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทใหม่**

               (2) ปรับปรุงหลักเกณฑ์เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความเห็นชอบจาก ธปท. ให้เข้าร่วมการทดสอบในโครงการ Programmable Payment Sandbox สามารถให้บริการหรือกระทำการอันมีลักษณะเป็น MOP ภายใต้การทดสอบดังกล่าวได้             

 

           (3) ปรับปรุงบัญชีรายชื่อคริปโทเคอร์เรนซีที่สำนักงาน ก.ล.ต. ประกาศกำหนด ซึ่งผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล สามารถรับเป็นการตอบแทนหรือในการทำธุรกรรม เพื่อรองรับการดำเนินการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในโครงการ Programmable Payment Sandbox

ทั้งนี้ ประกาศหลักเกณฑ์ดังกล่าวมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2567 เป็นต้นไป