‘‘เจ้าสัว’ แต่งตัวพร้อมลุยระดมทุนเข้า SET รองรับขยายตลาดไทยและต่างประเทศ

20 มิ.ย. 2567 | 14:27 น.
อัปเดตล่าสุด :20 มิ.ย. 2567 | 15:01 น.

CHAO เดินหน้าระดมทุนอัพแกร่งโรงงานโฮลซัมแห่ง 2 และกำลังผลิตใหม่ รองรับการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ชูจุดเด่นขนมขบเคี้ยวรสชาติอร่อย คุณภาพดี แย้มตอนนี้อยู่ระหว่างการกำหนดราคาเสนอขายและวันจองซื้อ หลังก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่งแล้ว

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ให้กับ บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO เปิดเผยว่า การนำ ‘บมจ. เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี’ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ครั้งนี้ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจสู่ตลาดระดับโลก ซึ่งจากการเข้าไปทำการตลาดในช่วงที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด

โดยวัตถุประสงค์ในการระดมทุน หลักๆ เพื่อสร้างโรงงานโฮลซัมแห่งที่ 2 ซึ่งเป็นโรงงานที่มุ่งเน้นการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออก การขยายกำลังการผลิต พัฒนาระบบอัตโนมัติ (Automation) และปรับปรุงระบบควบคุมคุณภาพ ในส่วนนี้เพื่อรองรับการลดต้นทุนทั้งในด้านค่าแรงที่จะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการบริหารธุรกิจเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตลอดจนชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน 

ล่าสุด CHAO ได้รับอนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชน (IPO) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 87.68 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 29.2% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดราคาเสนอขาย และวันจองซื้อ 

นางสาวณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ ภายใต้แบรนด์ “เจ้าสัว” และแบรนด์ “โฮลซัม (Wholesome)” กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 66 ปี เจ้าสัวมุ่งมั่นสร้างสรรค์อาหารอร่อย ที่เชื่อถือได้ในเรื่องคุณภาพสูง ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและความใส่ใจต่อโลก เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง สู่การเป็น Everyday Consumption ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคได้ในทุกโอกาส รวมทั้งเป็นขนมขบเคี้ยวทางเลือกที่ดีกว่าให้แก่ผู้บริโภค (Better-for-You Snack) กลุ่มบริษัทวางเป้าหมายสร้างการเติบโตสู่ตลาดระดับโลกในการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ ‘เจ้าสัว’ และ ‘โฮลซัม (Wholesome)’ ไปสู่ Global Brand เพื่อสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด 

ส่วนจุดแข็งและข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของกลุ่มบริษัทนั้น มองว่าจากการเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวไทยรูปแบบใหม่ (Modern Thai Snack) ที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย มีแบรนด์เจ้าสัวที่แข็งแกร่งและได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน มีความรู้ความเข้าใจในเทรนด์การบริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายและครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ส่งผลให้กลุ่มบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน รวมทั้งการมีทีมผู้บริหารมืออาชีพที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เจ้าสัวเติบโตในตลาดระดับโลก โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการเข้าไปขยายตลาดแล้วกว่า 12 ประเทศ โดยที่ 4 ประเทศเป้าหมายหลักในการทำการตลาดเชิงรุกจากนี้ ประกอบด้วย สหรัฐฯ จีน ฮ่องกง และออสเตรเลีย เป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตที่ดี และมีค่าเฉลี่ยการบริโภคขนมขบเคี้ยวต่อวันที่ค่อนข้างที่

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ขนนขบเคี้ยวและอาหารทานเล่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในมือแล้วกว่า 200 รายการ (SKUs) และวางเป้าหมายที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาจำหน่ายเฉลี่ยต่อปีไม่ต่ำกว่า 15-20 รายการ ในขณะที่การขยายตลาดต่างประเทศนั้น บริษัทจะมุ่งเน้นไปยังกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ และจะเริ่มขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มที่เป็น "ฮาลาล" มากขึ้นด้วย

นายสิริณัฏฐ์ ชญาน์นันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO กล่าวว่า เจ้าสัวมุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนด้วย 6 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

  1. มุ่งเน้นการขยายตลาดในต่างประเทศ ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการบริโภคของกลุ่มประเทศเป้าหมาย ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เพิ่มตัวแทนกระจายสินค้า และขยายการส่งออกไปสู่กลุ่มประเทศใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเติบโตสูง
  2. นำเสนอสินค้าใหม่ๆ ที่มีคุณภาพ รสชาติอร่อยกลมกล่อมถูกปากผู้บริโภค เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ด้วยการวิจัยทางการตลาด และติดตามเทรนด์การบริโภคในปัจจุบัน เพื่อรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สร้างความแตกต่างเพื่อความได้เปรียบทางการแข่งขัน และรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม 
  3. สร้างการรับรู้ของแบรนด์เจ้าสัวให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น ด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากรูปแบบเดิม พร้อมการสื่อสารการตลาดอย่างครอบคลุมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ครองใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ในการเป็นขนมขบเคี้ยวไทยรูปแบบใหม่ที่ผู้บริโภคนึกถึง (Top of Mind)
  4. พัฒนาสินค้าประเภทขนมขบเคี้ยวเพิ่มเติมให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ (Product Portfolio) ให้มีความหลากหลายของรสชาติและรูปแบบ ให้สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์การบริโภคในทุกช่วงวัย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของรายได้ 
  5. ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและขยายฐานลูกค้า ด้วยการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าในแต่ละช่องทาง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น รวมทั้งขยายฐานลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในประเทศ ผ่านกลยุทธ์ต่างๆ เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์แบบชุดของขวัญ (Gift Set) สำหรับใช้เป็นของฝาก
  6. บริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ลงทุนในระบบอัตโนมัติ (Automation) ยกระดับคุณภาพการผลิตด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไร 

นางสาวอินทุอร โมรินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา CHAO สามารถสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง โดยในปี 2564-2566 เจ้าสัวมีรายได้จากการขายที่ 1,135.1 ล้านบาท 1,413.6 ล้านบาท และ 1,493.4 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นโตเฉลี่ย 14.7% ต่อปี ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 1/2567 มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 336.2 ล้านบาท เติบโต 4.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว (Snack) ที่บริษัทเชื่อว่ามีศักยภาพเติบโตสูง 

ด้านกำไรสุทธิในปี 2564-2566 ทำได้ 64.4 ล้านบาท 86.6 ล้านบาท และ 161.6 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 58.4% และมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ 5.6% 6.1% และ 10.7% ตามลำดับ โดยกำไรสุทธิของบริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขาย การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาส 1/2567 ทำได้ 26.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง