ส่องโอกาส “หุ้นเอเชีย” 3 ตลาดในเอเชียแปซิฟิกครึ่งแรกของปี 67

08 ม.ค. 2567 | 09:55 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ม.ค. 2567 | 10:43 น.

ส่องโอกาส “หุ้นเอเชีย” 3 ตลาดในเอเชียแปซิฟิก นักวิเคราะห์คาด "อินเดีย ญี่ปุ่น และเวียดนาม" มีประสิทธิภาพยืนเหนือในช่วงครึ่งแรกของปี 2567

"ตลาดหุ้นเอเชีย" ขึ้นสู่ระดับสูงสุดในปี 2566 โดย Nikkei 225 ของญี่ปุ่น กลายเป็นดัชนีหุ้นที่มีผลงานสูงสุด ภูมิภาคนี้คาดว่าจะดำเนินไปได้ดีในปีหน้าเช่นกัน แล้วตลาดไหนจะมีประสิทธิภาพเหนือกว่าในปี 2567 ตามที่นักวิเคราะห์ได้พูดคุยกับ สำนักข่าว CNBC ตลาดที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของเอเชียแปซิฟิกในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 จะเป็น อินเดีย ญี่ปุ่น และเวียดนาม นี่คือเหตุผล

อินเดีย

"ตลาดหุ้นของอินเดีย" เป็นหนึ่งในตลาดยอดนิยมของภูมิภาคในปีที่แล้ว และนักลงทุนมีความมั่นใจต่อแนวโน้มระยะยาวของประเทศ "ดัชนีNIFTY 50" เพิ่มขึ้น 20% ในปีที่แล้ว และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

การเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียคาดว่าจะแซงหน้าเศรษฐกิจหลักอื่นๆ ของเอเชียในปี 2567 โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดการณ์ว่า GDP ที่แท้จริงของประเทศจะขยายตัว 6.3% ในปีนี้ ตามข้อมูลของ IMF (IMF Executive Board Concludes 2023 Article IV Consultation with India) ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับที่คาดการณ์ไว้ในปี 2566

แนวโน้มการเติบโตของอินเดียเป็นตัวขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งในช่วงเวลาที่จีนซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาค กำลังดิ้นรนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตของ GDP ที่ 5% ในปี 2566

ตลาดหุ้นอินเดียยังได้รับประโยชน์จาก ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ใกล้จะเกิดขึ้น และการมีส่วนร่วมที่มากขึ้นจากนักลงทุนในประเทศ ทั้งหมดนี้คาดว่าจะมีสถิติการพุ่งขึ้นของ NIFTY 50

ปี 2024 จะเป็นการเลือกตั้งทั่วไปของประเทศ นักยุทธศาสตร์จาก เจพี มอร์แกน กล่าวในบันทึกว่า NIFTY 50 เเตะระดับ 25,000 ในปีหน้า หาก พรรคภารติยะ ชนตะ (BJP) ซึ่งครองอำนาจยังคงรักษาอำนาจไว้ได้ เป้าหมายที่นี้แสดงถึง การอัพไซต์มากกว่า 15% จากราคาปิดล่าสุดของดัชนีที่ 21,710  

อย่างไรก็ตาม เจพี มอร์แกน เตือนว่า หากผลการเลือกตั้งทั่วไปไม่เป็นไปตามคาดพร้อมด้วยภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น หรือการว่างงานในประเทศที่สูงขึ้น NIFTYอาจตกลงเหลือ 16,000 

ญี่ปุ่น

Nikkei 225 ของญี่ปุ่นเป็นดัชนีหุ้นที่มีผลงานดีที่สุดในเอเชียในปีที่แล้ว และนักวิเคราะห์เชื่อว่าตลาดทุนของประเทศยังมีพื้นที่ให้ดำเนินการได้มากขึ้นในปี 2567 การฟื้นตัวของหุ้นในญี่ปุ่นทำให้ หุ้นบลูชิป Nikkei 225 เพิ่มขึ้น 28% ในปีที่แล้ว และ TOPIX สูงขึ้น 25%

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งและความหวังที่เพิ่มขึ้นว่าในที่สุดธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นอาจยุตินโยบายการเงินได้ในที่สุด Masashi Akutsu นักยุทธศาสตร์ของ BofA Global Research (แบงก์ ออฟ อเมริกา โกลบอล รีเสิร์ช) บอกกับ CNBC ว่า  Nikkei 225 จะแตะระดับ 37,500 ภายในสิ้นปี 2567 ปัจจุบันดัชนีซื้อขายที่ประมาณ 33,464.17

ธนาคารกลางญี่ปุ่น ปิดการประชุมครั้งสุดท้ายของปี 2023 ให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ -0.1% ขณะที่ยังคงนโยบายการควบคุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีที่ 1% ไว้เป็นข้อมูลอ้างอิง

เวียดนาม

เวียดนามได้รับประโยชน์จาก ยุทธศาสตร์ China Plus One ซึ่งบริษัทต่างๆ ได้กระจายการลงทุนเพื่อลดการพึ่งพาจีน โดยคาดว่าจะเห็นการเติบโตของ GDP 6%-6.5% ในปี 2567 จากการนำเข้าและส่งออกที่แข็งแกร่ง รวมถึงกิจกรรมการผลิตที่แข็งแกร่งขึ้น มีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่า 14% ในปีที่แล้ว เมื่อเทียบกับปี 2565

ขณะที่จีนคิดเป็นครึ่งหนึ่งของการไหลเข้าของ FDI ใหม่สู่เวียดนามในปีนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความน่าดึงดูดใจของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในฐานะศูนย์กลางการผลิตที่เพิ่มขึ้น  Yun Liu นักเศรษฐศาสตร์ของ HSBC กล่าว