"STARK"อ้างเหตุถูกอายัดทรัพย์ กระทบแผนปรับโครงสร้างธุรกิจ-เพิ่มทุน

18 ก.ค. 2566 | 05:59 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ก.ค. 2566 | 07:05 น.

STARK แจงการแก้ไขกรณี"ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ"ยังไม่คืบ อ้างเหตุกลุ่มบริษัทถูกอายัดทรัพย์สิน ทำให้ไม่สามารถเจรจากับเจ้าหนี้-ปรับโครงสร้างธุรกิจ รวมทั้งยากที่จะหาผู้ร่วมทุนรายใหม่เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในสถานการณ์นี้ได้

บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK แจ้งต่อ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึงแนวทางการดำเนินการของบริษัท ฯ กรณีส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์ ว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทและกลุ่มบริษัทที่ถูกอายัดทรัพย์สินตามคำสั่งของสำนักงาน ก.ล.ต.

เนื่องจากการอายัดทรัพย์สิน บริษัทจึงไม่อยู่ในฐานะที่จะดำเนินการเจรจากับเจ้าหนี้ได้อย่างเต็มที่ และไม่สามารถดำเนินการใด ๆ เพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัท 
 

นอกจากนี้ ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวย่อมเป็นการยากที่บริษัทจะดำเนินการเพิ่มทุน หรือพิจารณาหานักลงทุนรายใหม่เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของบริษัท และบริษัทยังอาจไม่สามารถที่จะยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายเพื่อดำเนินการฟื้นฟูกิจการเพื่อปรับโครงสร้างทุนและโครงสร้างหนี้ของบริษัทภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการได้อีกต่อไป เพราะหากกลุ่มบริษัทไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าบริษัทมีความสามารถในการดำเนินธุรกิจเป็นปกติ บริษัทย่อมไม่สามารถนำเสนอช่องทางที่จะฟื้นฟูกิจการได้อย่างประสบความสำเร็จภายใต้การถูกอายัดทรัพย์สิน

บริษัทจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญในการดำเนินการใด ๆ เพื่อให้สำนักงาน ก.ล.ต.ดำเนินการผ่อนผันให้กลุ่มบริษัทสามารถดำเนินธุรกรรมทางการเงินและกิจการใดที่จำเป็น เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทต่อไปได้เป็นปกติโดยเร็วที่สุด เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
 

ทั้งนี้ บริษัทจะพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะแก้ไขกรณีส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์ เพื่อรักษาประโยชน์สูงสุดของบริษัท ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียทุกรายบริษัท และกอบกู้กิจการของกลุ่มบริษัทเพื่อให้ยังดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถปรับโครงสร้างทุนและโครงสร้างหนี้ทั้งของบริษัทและบริษัทย่อยซึ่งดำเนินธุรกิจหลัก เพื่อทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทมีค่ามากกว่าศูนย์ และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานตามปกติของบริษัทย่อยซึ่งดำเนินธุรกิจหลัก และลดผลกระทบต่อพนักงานของกลุ่มบริษัทที่มีมากกว่าหนึ่งพันครอบครัว 

โดยบริษัทจะแจ้งให้ทราบถึงแนวทางดำเนินการแก้ไขเหตุเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียน และกำหนดเวลาของการดำเนินการดังกล่าวให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทราบต่อไป เมื่อสถานการณ์ของบริษัทดีขึ้น