เปิดโผผู้ถือหุ้น "BLC" บจ.น้องใหม่หลังเข้าเทรดยังต่ำกว่า IPO

23 มิ.ย. 2566 | 05:55 น.
อัปเดตล่าสุด :23 มิ.ย. 2566 | 06:00 น.

เปิดรายชื่อผู้ถือหุ้น BLC ใน 10 อันดับแรก หลังเข้าเทรดราคายังต่ำกว่า IPO ด้านโบรกฯ ยังให้ราคาเหมาะสมปี 66 ที่ระดับ 12-18 บาท พร้อมคาดกำไรปีนี้โตประมาณ 172-177 ล้านบาท พุ่ง 37-40%

อีกหนึ่งหุ้นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ไปเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 66 ที่ผ่านมาอย่าง บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ "BLC" ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ซึ่งเปิดตัวไม่ค่อยสวย โดยราคาซื้อขายจนถึงเมื่อวาน (22 มิ.ย. 66) ที่ผ่านมาราคายังคงต่ำกว่าราคาเปิดจอง IPO

จากการตรวจสอบของ "ฐานเศรษฐกิจ" ผ่านข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่า บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ "BLC" มีผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับแรก คือ นายสุวิทย์ งามภูพันธ์ คิดเป็นสัดส่วน 21.3%

ผู้ถือหุ้น 10 รายแรก BLC ประกอบด้วย

  1. นายสุวิทย์ งามภูพันธ์ ถือหุ้น 21.38%
  2. นางสาวสุณิสา มงคลอารีย์พงษ์ ถือหุ้น 15.75%
  3. นายสมชัย พิสพหุธาร ถือหุ้น 15.00%
  4. นายพงษ์พันธ์ ปอแก้ว ถือหุ้น 6.00%
  5. นายศุภชัย สายบัว ถือหุ้น 3.75%
  6. นายปรัชญา วีระชาติธวัชชัย ถือหุ้น 3.75%
  7. นายพลเทพ เสาร์แก้ว ถือหุ้น 3.75%
  8. นางสุภา เสาร์แก้ว ถือหุ้น 3.75%
  9. นายธงชัย พานทอง ถือหุ้น 1.88%
  10. บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 1.5%

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2566 ของ BLC ไว้ที่ 18 บาท อ้างอิง P/E ที่ระดับ 61 เท่า ซึ่งเป็นระดับ premium ราว 10% เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการธุรกิจที่มีลักษณะคล้ายกันในประเทศ

แต่ discount ราว 10% เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการต่างประเทศ (Figure 9) ซึ่งบริษัทมีจุดเด่นจากการที่เป็นผู้ประกอบการเกี่ยวกับยาในระดับต้นน้ำถึงปลายน้ำ และมีโอกาสในการเติบโต รวมถึงสร้างมูลค่าเพิ่มที่สูงในอนาคต

พร้อมคาดกำไรสุทธิของ BLC ในปี 2566 จะอยู่ที่ 177 ล้านบาท เติบโต 40.5% จากปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 126 ล้านบาท และปี 2567 คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 233 ล้านบาท เติบโต 26.1% จากปี 2566

ซึ่งเป็นไปตามยอดขายในปี 2566 จะเติบโต 15.4% แตะ 1,496 ล้านบาท จากปี 2565 ที่มียอดขาย 1,296 ล้านบาท  และปี 2567 จะเติบโต 13.5% แตะ 1,698 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2566 ของ BLC ไว้ที่ 12 บาท โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2566 จะเติบโต 37% แตะ 172 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 126 ล้านบาท ปี 2567 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 22% แตะ 209 ล้านบาท และปี 2568 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 22% แตะ 254 ล้านบาท ตามลำดับ

ซึ่งคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 26% เป็นไปตามแรงหนุนภาพรวมของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากโควิด-19 และพฤติกรรมที่คนหันมารักษาสุขภาพ

ราคาหุ้น "BLC"

ขณะที่ราคาปิดตลาดล่าสุดเมื่อวานที่ผ่านมา (22 มิ.ย. 66) ปิดที่ราคา 7.70 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.50 บาท (+6.94%) มูลค่าการซื้อขาย 552.81 ล้านบาท

โดยระหว่างวันมีราคาต่ำสุดอยู่ที่ 7.20 บาท และราคาสูงสุดอยู่ที่ 7.80 บาท ซึ่งยังคงต่ำกว่าราคาจอง IPO ที่อยู่ 10.50 บาท