นโยบายเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล กดดันหุ้นไทย มิ.ย.- ก.ค.

03 มิ.ย. 2566 | 05:55 น.

บล.กสิกรไทย คงเป้าดัชนี SET มิ.ย.ที่ 1,666 จุด คาดตลาดเคลื่อนไหวในกรอบแคบ จากความไม่แน่นอนทางการเมือง/การคลัง และความกังวลเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกล เปิดโพย 4 ธีมหุ้นเด่น

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย หรือ KS ระบุว่ามีมุมมองเชิงลบเล็กน้อยต่อตลาดหุ้นไทย คาดว่าตลาดจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.2566 เนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนตามความไม่แน่นอนทางการเมือง/การคลัง และความกังวลเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกล โดยมี 3 สถานการณ์ทางการเมืองที่อาจเป็นไปได้ในการขับเคลื่อนตลาดหลังจากนี้

 

นโยบายเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล กดดันหุ้นไทย มิ.ย.- ก.ค.

1.กรณีปกติของเรา (ความน่าจะเป็น 50%) คือรัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคก้าวไกล หรือพรรคเพื่อไทย ขณะที่นโยบายเศษฐกิจผสมจากทั้ง 2 พรรคมุ่งเน้นที่การเติบโตมากกว่าความเท่าเทียมกันของรายได้ ภายใต้สถานการณ์นี้ เป้า SET Index ของเรา คือ 1,666 จุด อิงจากกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2567 ที่ 107 บาท และ PER ล่วงหน้า 12 เดือนที่ 15.60 เท่า (+0.5SD)

2.กรณีที่ดีที่สุด (25%) น่าจะเป็นรัฐบาลผสมที่นำโดยพรคเพื่อไทย ซึ่งมีนโยบายที่เป็นมิตรกับตลาดหุ้นไทยในการสนับสนุนการเติบโตทางเศษฐกิจมาก และ

3.กรณีที่เลวร้ายมาก (25%) คือรัฐบาลผสมนำโดยพรรคก้าวไกลซึ่งมีนโยบายที่ไม่เป็นมิตรกับตลาด (เช่น การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ อัตราภาษีนิติบุคคลที่สูงขึ้น ภาษีความมั่งคั่ง ภาษีมูลค่าที่ดิน ภาษีกำไรจากการขายหุ้นการทลายทุนผูกขาด และการลดด้านสิทธิประโยชน์จากบีโอไอ 

 

ขึ้นค่าแรง 450 บาท-อัตราภาษี 3% กระทบกำไรตลาด ?

ขณะที่การวิเคราะห์ความอ่อนไหวของเราพบว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 10% และการเพิ่มอัตราภาษี 3% จะทำให้กำไร ของตลาดปี 2567 ลดลง 1.0% และ 2.5% ตามลำดับ

 

นโยบายเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล กดดันหุ้นไทย มิ.ย.- ก.ค.

ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของตลาดหุ้นไทยในเดือน มิ.ย.2566 ได้แก่

  • 1) การบริโภคภายในประเทศที่ปรับดีขึ้นตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและมาตรการกระตุ้นเศษฐกิจของรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มธนาคาร กลุ่มการเงิน กลุ่มพาณิชย์ กลุ่ม ICT และกลุ่มขนส่ง 
  • 2)การลดค่าไฟฟ้าจะเป็นประโยชน์กับกลุ่มพานิชย์ กลุ่ม ICT กลุ่มบรรจุภัณฑ์ กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มถุงมีอยาง และ 
  • 3) จำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าที่สูงขึ้นจากจำนวนเที่ยวบินจากจีนที่เพิ่มขึ้น (จาก 100 เที่ยวบิน/สัปดาห์ในเดือน พ.ค. เป็น 430 เที่ยวบิน/สัปดาห์ ในเดือน มิ.ย. ซึ่งจะส่งผลดีต่อกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว 
     

ด้านปัจจัยเสียงสำคัญในเดือน มิ.ย.2566 ได้แก่ 

  • 1) ความไม่แน่นอนทางการเมือง/การคลัง ที่จะชะลอการตัดสินใจลงทุนจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะมีลำดับความสำคัญของนโยบายที่ชัดเจน 
  • 2) ข้อกังวลเกี่ยวกับนโยบายเศษฐกิจของพรรคก้าวไกล และ 
  • 3) การส่งออกของไทยที่ชะลอตัวจากการระบายสต็อก และความเสี่ยงจากภาวะเศษฐกิจถดถอย ภาษีเงินได้นิติบคคลที่เพิ่มขึ้น 10% จะทำให้กำไรของตลาดปี 2567 ลดลง 8.80%

 

นโยบายเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล กดดันหุ้นไทย มิ.ย.- ก.ค.

 

หุ้น top picks

บล.กสิกรไทย แนะนำการลงทุนในเดือนมิ.ย.ใน 4 ธีมหุ้น ได้แก่

  • ธีมการบริโภคภายในประเทศ ได้แก่ AEONTS TIDLOR TTB OSP CPALL COM7 และ AURA  คาดว่าการบริโภคภายในประเทศจะเติบโตได้ดีจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว การจ้างงานที่ดีขึ้น และนโยบายประชานิยมระยะสั้นหลังการเลือกตั้ง
  • ธีมการท่องเที่ยว ( MINT และ SNNP) จากความคาดหวังที่ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าปี 2566 จะเพิ่มขึ้นเป็น 28.5 ล้านคน เทียบกับ 11.2 ล้านคนในปี 2565
  • ธีมป้องกันความเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว (PTTEP)เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะชะลอตัว (stagflation)
  •  ธีมกำไรฟื้นตัว (GFPT) เราคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวในไตรมาส 2/2566 จากอัตรากำไรขั้นต้น(GPM) ที่เพิ่มขึ้นตามราคาไก่เนื้อที่สูงขึ้นและราคาอาหารสัตว์ที่ลดลง