ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,030.11 จุด ร่วงลง 530.49 จุด หรือ -1.63%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,936.97 จุด ลดลง 65.90 จุด หรือ -1.65% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,669.96 จุด ลดลง 190.15 จุด หรือ -1.60%
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ คณะกรรมการเฟดส่งสัญญาณใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นต่อระบบธนาคารสหรัฐ
ทั้งนี้ เฟดเปิดเผยการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ซึ่งระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งหลังการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้ คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.8% ในปี 2567 และ 1.2% ในปี 2568
อย่างไรก็ดี ตลาดร่วงลงในเวลาต่อมา หลังจากนายพาวเวลแถลงข่าวภายหลังการประชุมโดยระบุว่า "เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกหากจำเป็นในการควบคุมเงินเฟ้อ แม้เรารู้ว่าภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาค แต่แน่นอนว่า เฟดจะดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินต่อไปเพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%"
ถ้อยแถลงดังกล่าวของนายพาวเวลทำให้นักลงทุนกังวลว่า การเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ จะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ภาคธนาคารของสหรัฐกำลังเผชิญวิกฤตการณ์ นับแตั้งแต่การล่มสลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) และซิกเนเจอร์ แบงก์ (SB)
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐแถลงต่อสภาคองเกรสว่า บรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ไม่มีการพิจารณาเรื่องการคุ้มครองเงินฝากทั้งหมดของภาคธนาคาร ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้นักลงทุนผิดหวัง หลังจากที่ก่อนหน้านี้สื่อหลายสำนักรายงานว่า กระทรวงการคลังสหรัฐกำลังศึกษาแนวทางในการทำให้ FDIC สามารถคุ้มครองเงินฝากได้ทั้ง 100% จากปัจจุบันที่ให้การคุ้มครองไม่เกิน 250,000 ดอลลาร์
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ดิ่งลงกว่า 3.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. 2565
ดัชนี S&P500 banking index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารที่คำนวณใน S&P500 และดัชนี KBW regional banking index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาค ร่วงลง 3.7% และ 5.3% ตามลำดับ
หุ้นธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ (FRB) ดิ่งลง 15.5% หลังจากสื่อรายงานว่า FRB อาจจำเป็นต้องลดขนาดองค์กร หรือขอการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐ