ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง DEXON เสนอขาย IPO 123.18 ล้านหุ้น

09 มี.ค. 2566 | 14:28 น.
อัปเดตล่าสุด :09 มี.ค. 2566 | 14:33 น.

ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง DEXON เสนอขาย IPO 123.18 ล้านหุ้น พร้อมเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ mai ระดมทุนขยายธุรกิจ รับเทรนพลังงานสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

(9 มี.ค. 66) นางมัลลิกา แก่กล้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) DEXON เปิดเผยว่า ล่าสุดทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ได้เริ่มนับหนึ่งไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ที่ผ่านมาทาง DEXON ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) และร่างหนังสือชี้ชวนเพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก หรือ IPO จำนวน 123,183,200 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท คิดเป็น 25.85% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ 

โดยภายหลังได้รับอนุมัติให้เสนอขายหุ้น IPO และแบบไฟลิ่งมีผลใช้บังคับ จะกำหนดวันที่เสนอขายหุ้น IPO และคาดว่าจะนำ DEXON เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ภายในไตรมาสแรกของปีนี้

ภาพประกอบ นางมัลลิกา แก่กล้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) DEXON

“เมื่อสำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งไฟลิ่งแล้ว จะทำให้การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เดินหน้าไปอีกก้าว ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจบริษัทให้แข็งแกร่ง เพิ่มโอกาสในการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคงในอนาคต” นางมัลลิกา กล่าว

DEXON เป็นผู้ให้บริการตรวจสอบทางวิศวกรรม และสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีสำหรับตรวจสอบโครงสร้าง และอุปกรณ์การผลิตในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม พลังงาน ปิโตรเคมี อุตสาหกรรมก่อสร้าง โรงไฟฟ้า และอุตสาหกรรมประเภทอื่น ๆ 

ทั้งนี้ทาง DEXON มีทีมผู้เชี่ยวชาญ และทีมวิศวกรที่มีประสบการณ์ รวมถึงให้บริการด้วยมาตรฐานทางเทคโนโลยี และเครื่องมือที่ทันสมัย โดยที่บริษัทสามารถพัฒนาขึ้นเอง ได้รับการยอมรับ และได้รับใบรับรองมาตรฐานต่าง ๆ จากหน่วยงานรับรองระบบในระดับสากล

สำหรับรูปแบบการให้บริการตามโครงสร้าง แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ประกอบด้วย 

  1. การบริการตรวจสอบโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (Advance Inspection Technology) 
  2. การบริการตรวจสอบโดยใช้เทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน (Conventional Inspection Technology) 
  3. การบริการฝึกอบรมด้านการตรวจสอบ (Training Services)
  4. การให้บริการออกแบบทางด้านวิศวกรรม ประกอบ ติดตั้งและซ่อมบำรุง (Engineering design, Assembly, Installation and Maintenance Service)

อย่างไรก็ตามการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังประเทศเนเธอร์แลนด์ รวมถึงสหรัฐอเมริกา โดยเน้นให้บริการตรวจสอบทางวิศวกรรมระบบท่อด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง (Smart Pigging Technology) 

โดยเฉพาะการตรวจสอบรอยแตกขนาดเล็กในระบบท่อส่งที่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษที่มีเทคโนโลยีสูงที่บริษัทพัฒนาขึ้น (Hawk Pipeline Crack Detection and Measurement System)

ควบคู่การลงทุนในงานวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า และการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม อาทิ การเปลี่ยนไปสู่พลังงานสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ, การดักจับ และกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

นอกจากนี้จะนำเงินทุนบางส่วนไปชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน รวมถึงเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งถือเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัท และสร้างโอกาสในการแข่งขันให้กับบริษัท

ในขณะเดียวกัน DEXON ยังมีเป้าหมายในการเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจเพื่อขยายการให้บริการ และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าแบบครบวงจรได้อย่างครอบคลุม

บริษัทย่อย ประกอบด้วย 

บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี พีทีอี ลิมิเต็ด (DTS) ให้บริการลูกค้าในประเทศสิงคโปร์ และประเทศข้างเคียง 

บริษัท เด็กซ์ซอน เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด (DTC) ให้บริการการฝึกอมรบเพื่อส่งเสริม และยกระดับความรู้ความสามารถแก่บุคลากรทั้งภายในและภายนอกบริษัท 

บริษัท เด็กซ์ซอน เมคคานิคอล โซลูชั่นส์ จำกัด (DMS) ให้บริการงานออกแบบทางวิศวกรรม งานประกอบ งานโครงสร้าง และงานให้บริการบุคลากรทางด้านเครื่องกล และซ่อมบำรุงทั้งในส่วนงานท่อ และโครงสร้าง ในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม และปิโตรเคมี 

บริษัท ดาคอน ยุโรป บีวี (DEBV) จัดตั้งในเนเธอร์แลนด์ เพื่อให้การดำเนินงานครอบคลุมลูกค้าในทวีปยุโรป และอเมริกา

นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) DEXON ระบุว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ได้เริ่มนับหนึ่งแบบไฟลิ่ง ของ DEXON เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในขณะที่ผลประกอบการของ DEXON ในปี 2563-2565 บริษัท และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย และบริการ 438.97 ล้านบาท 433.46 ล้านบาท และ 608.51 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 11.04 ล้านบาท 18.15 ล้านบาท 105.15 ล้านบาท ตามลำดับ  

ซึ่งรายได้ในปี 2565 เพิ่มขึ้น 175.04 ล้านบาท เติบโต 40.38% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 และมีกำไรสุทธิในปี 2565 เพิ่มขึ้น 87 ล้านบาท เติบโต 479.33% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564

เนื่องจากบริษัทมีลูกค้าต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งตามสถานการณ์ COVID-19 ที่ผ่อนคลาย และบริษัทสามารถเดินทางไปให้บริการในต่างประเทศได้มากขึ้น โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากที่เผชิญวิกฤต COVID-19 มาตั้งแต่ปี 2563