หุ้นไทยเมาหมัดต่างชาติ แนะยกการ์ดสูงเน้นตั้งรับ สอย 4 ธีมหุ้นเด่น

16 ก.พ. 2566 | 12:25 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ก.พ. 2566 | 12:47 น.

ทิสโก้ ประเมินหุ้นไทยระยะสั้น ยังถูกกดดันจากโฟลว์ไหลออก และงบQ4/65 ที่ออกมาแย่ มองดัชนี SET เริ่มมีดาวน์ไซด์จำกัด แนะทยอยสะสมตั้งรับช่วงตลาดอ่อน กางโพย 4 ธีมเด่น งบดี-ปันผลเด่น-หุ้นมีสตอรี่บวก

 

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ ระบุว่า แม้แนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯ ผ่านพีคไปแล้วและชะลอตัวลงต่อเนื่อง โดยล่าสุดมาอยู่ที่ +6.4% YoY ในเดือน ม.ค. แต่สูงกว่าตลาดคาดเล็กน้อยที่ +6.2% YoY ขณะที่เทียบ MoM กลับมาเร่งตัวขึ้นเป็น +0.5% MoM เทียบกับ +0.1% MoM ในเดือนก่อนหน้า และตลาดคาดที่ +0.4% MoM สะท้อนเงินเฟ้อยังมีความหนืดอยู่ และยังห่างไกลเป้าหมายเงินเฟ้อของ FED 

ประกอบกับตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง โดยการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นมากกว่า 5 แสนคน และอัตราว่างงานลดลงเหลือเพียง 3.4% เท่านั้น ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 1969

 

เฟดขึ้นดอกเบี้ยคาดแตะสูงสุด 5.25-5.50%

ทำให้ตลาดประเมินใหม่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FED จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง แตะระดับสูงสุด (Terminal Rate) ที่ระดับ 5.25-5.50% (เทียบกับสิ้นเดือน ม.ค. ที่ตลาดคาดที่ 4.75-5.00% และ Dot Plot ของ FED ในเดือน ธ.ค. ที่อยู่ที่ 5.00-5.25%) 

อย่างไรก็ดี หากแนวโน้มอัตราว่างงานไม่ปรับตัวขึ้นมาแตะระดับ 4% และเงินเฟ้อไม่ได้ลดลงต่ำกว่าระดับ 4% อย่างที่คาดการณ์กันไว้ (อิงจาก FED คาดอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.6% และ Core PCE จะลดลงมาอยู่ที่ 3.5% ภายในสิ้นปีนี้)  เราอาจอยู่ในภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ “No Landing” ก็เป็นได้

"ตามหลักของ Taylor Rule ในกรณีนี้ อาจทำให้ FED ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยแตะระดับ 6% เทียบกับปัจจุบันที่คาดการณ์ Terminal Rate อยู่ที่ 5.00-5.25% ถือเป็นความเสี่ยงสำคัญของตลาดหุ้นโลก โดยจะขึ้นอยู่กับพัฒนาการของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวเลขเงินเฟ้อและอัตราว่างงานสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้าเป็นสำคัญ" บทวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุ

งบบจ.Q4/65 กดดัน SET Index

สำหรับการประกาศผลประกอบการในไตรมาสนี้โดยรวมถือว่าน่าผิดหวัง เพราะสัดส่วนเกือบ 70% แย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ ส่งผลให้นับตั้งแต่ต้นปีนี้ (YTD) ประมาณการกำไรของตลาด (SET EPS) ปี 2023-24F ถูกปรับลงมาแล้ว -4.6% และ -1.4% มาอยู่ที่ 95.5 บาท/หุ้น และ 106.5 บาท/หุ้น ตามลำดับ กดดัน SET Index อีกทางหนึ่งด้วย 

ตลาดหุ้นไทยระยะสั้นยังถูกกดดันจากการไหลออกของกระแสเงินทุนต่างประเทศ และการประกาศผลประกอบการที่ส่วนใหญ่แย่กว่าคาด แต่อย่างไรก็ดี มอง SET Index ปัจจุบันที่ระดับ 1650 ลงมาน่าจะเริ่มมี Downside จำกัดแล้วในระยะสั้น จาก 


 


(1) ในมุมมองทางเทคนิค เราประเมิน SET Index จะมีแนวรับสำคัญที่โซน 1630-1650 ซึ่งเป็นจุดร่วมกันทั้งกรอบด้านล่างของแนวโน้มแกว่งซิกแซกขึ้นตั้งแต่กลางปีที่แล้ว, เป็นแนวกด SET Index ตั้งแต่ต้นปีที่แล้วที่สามารถทะลุขึ้นมาได้ในช่วงปลายปีที่แล้ว และเป็นเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 วัน

(2) ต้นทุนการซื้อของต่างชาติรอบล่าสุดนี้ (ตั้งแต่ 26 ธ.ค. 2022) เฉลี่ยอยู่ที่ 1660 จุด และหากคำนึงถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าจะอยู่ที่ 1630 จุด

 (3) หากนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องใกล้เคียงกับการขาย 2 รอบก่อน จะคิดเป็นแรงขายอีกราว 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดจะกดดัน SET Index ราว -13 ถึง-21 จุด หรือจะคิดเป็น Downside ที่ประมาณ 1630 จุด

ในแง่ของกลยุทธ์ เราแนะนำ “Selective Buy” ทยอยสะสมแบบตั้งรับในช่วงตลาดอ่อนตัว เรายังคงเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่ SET Index ระดับ 1700-1720 จุดในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า มองการปรับตัวลงของ SET Index รอบนี้เป็นการปรับฐานเพื่อหาจุดสมดุลใหม่ และคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งจากภาพการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริโภคภายในประเทศที่ยังมีความต่อเนื่อง ผสานกับการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในช่วงกลางเดือนหน้า 


4 ธีมหุ้นแนะสะสมระยะสั้น 

 

  • (1) หุ้นคาดงบดีในช่วงโค้งสุดท้าย เน้นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก AU, KISS, PRM, SISB, TIPH 
  • (2) หุ้นปันผลเด่นที่คาดจะให้ Div. Yield ที่เหลือมากกว่า 4% แนะนำ AP, BAM, BTSGIF, ICHI, KKP, QH
  • (3) หุ้นที่งบ Q4 แย่แต่สะท้อนไปในราคาหุ้นมากแล้ว กำไรปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวโดดเด่น PTG, PTTGC, SCGP
  • (4) หุ้นที่มีประเด็นบวกระยะสั้น - บาทพลิกมาอ่อนค่า ชอบ HANA, MEGA, TU / จีนเปิดประเทศ-การท่องเที่ยวสดใส ชอบ BDMS, BEM, CENTEL, CPALL, CRC, MINT / หุ้นเชื่อมโยงการเลือกตั้ง – AEONTS, SC, PLANB, STEC