ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 376.66 จุด นักลงทุนจับตาสหรัฐเผย CPI วันนี้

14 ก.พ. 2566 | 06:48 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ก.พ. 2566 | 06:48 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ (13 ก.พ.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันนี้ ด้านนักวิเคราะห์คาดว่าดัชนี CPI จะอ่อนแรงลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟด ชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,245.93 จุด พุ่งขึ้น 376.66 จุด หรือ +1.11%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,137.29 จุด เพิ่มขึ้น 46.83 จุด หรือ +1.14% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,891.79 จุด เพิ่มขึ้น 173.67 จุด หรือ +1.48%

นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 6.2% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 6.5% ในเดือนธ.ค. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 5.4% ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 5.7% ในเดือนธ.ค.
 

 

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.46% และดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 1.46% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง 0.6%

หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ทะยานขึ้น 3.03% หลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์รายงานว่า เมตาเตรียมประกาศแผนการลดจำนวนพนักงานรอบใหม่ ซึ่งเพิ่มเติมจากที่ได้ประกาศลดพนักงานไปแล้วในเดือนพ.ย. 2565

หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 3.12% ปิดที่ 271.32 ดอลลาร์ หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ Stifel Financial ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นของไมโครซอฟท์สู่ระดับ 290 ดอลลาร์ จากระดับ 275 ดอลลาร์ และคงน้ำหนักความน่าลงทุนเอาไว้ที่ "Buy (แนะนำให้ซื้อ)" โดยเชื่อมั่นว่าการที่ไมโครซอฟท์ลงทุนในบริษัทโอเพ่นเอไอ (OpenAI) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแชตบอต ChatGPT นั้น จะช่วยให้ไมโครซอฟท์สามารถแข่งขันกับอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลได้
         
 

หุ้นโนวาแวกซ์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตวัคซีนรายใหญ่ของสหรัฐ ปิดตลาดลดลง 1.01% หลังจากที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งในระหว่างวัน ขานรับข่าวที่ว่ารัฐบาลสหรัฐทำข้อตกลงซื้อวัคซีนต้านโควิด-19 ของทางบริษัทจำนวน 1.5 ล้านโดส นอกจากนี้ รัฐบาลจะมอบเงินทุนให้แก่บริษัทสำหรับการพัฒนาวัคซีนสูตรใหม่ภายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงในปีนี้

ข้อมูลจากรีฟินิทิฟ (Refinitiv) บ่งชี้ว่า นับจนถึงขณะนี้ มี 69% ของบริษัทในดัชนี S&P500 ที่รายงานผลกำไรสูงกว่าคาดในไตรมาส 4/2565