ตลาดหุ้นไทย เดือนมกราคมซื้อขายคึกคัก เฉลี่ยวันละ 7.2 หมื่นล้าน

07 ก.พ. 2566 | 15:46 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ก.พ. 2566 | 15:56 น.

ตลท.เผยดัชนีหุ้นไทยเดือนม.ค. 66 ปรับตัวดีขึ้นจากสิ้นปี 65 มูลค่าการซื้อขายคึกคักเฉลี่ยวันละ 72,012 ล้านบาท หลังเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว การท่องเที่ยว ส่งออก ที่ทยอยกลับมา

 

ตลาดหุ้นไทย  ภาพรวมในเดือนมกราคม 2566 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน ทั้งในตลาดหุ้นไทย (SET) และ mai อยู่ที่ 72,012 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2565 ที่ 56,184 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ซื้อสุทธิกว่า 18,997 ล้านบาท และมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ทำให้สิ้นเดือนมกราคม 2566 SET Index ปิดที่ 1,671.46 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า โดยปรับเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค และปรับเพิ่มขึ้น 5.6% เมื่อเทียบผลตอบแทนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

ภาพประกอบ มูลค่าการซื้อขาย

ทั้งนี้ได้รับแรงหนุนจากอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมือง และกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มผลประกอบการดีในไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มบริการ และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยคาดว่าจะค่อยๆ ปรับลดลงจากระดับ 8.8% ในปี 2565 สู่ระดับ 6.6% ในปีนี้แต่ยังคงสงูกว่าระดับเป้าหมาย

ภาพประกอบ การซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ

อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนมกราคม 2566 อยู่ที่ระดับ 2.75% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.00% ส่วน Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนมกราคม 2566 อยู่ที่ระดับ 16.8 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.6 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 17.5 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.8 เท่า

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตได้ดีกว่าปีก่อน ซึ่งส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยโดยเห็นได้จากยอดการซื้อขายที่กลับมาในช่วงเดือนมกราคม เพิ่มขึ้นจากในช่วงเดือนตุลาคม พฤศจิกายน และเดือนธันวาคม 2565 ที่มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยในแต่ละเดือนอยู่ที่ 61,500 ล้านบาท

ด้านปัจจัยการจากเลือกตั้งคงยังไม่มีผลต่อดัชนีในตลาดหุ้น หรือภาพรวมของเศรษฐกิจมากนัก จนกว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างชัดเจนว่าพรรคใดจะได้เป็นรัฐบาล และต้องประเมินนโยบายของภาครัฐว่าจะกระทบต่อส่วนใดของภาคธุรกิจ และตลาดทุนทำให้เกิดผลกระทบที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐ และความแตกต่างของธุรกิจนั้นๆ

นอกจากนี้ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยยังคงต้องติดตามปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ ในประเด็นการเมือง และเศรษฐกิจ แต่เชื่อว่าสภาพคล่องในตลาดโลกจะไม่ลดลงรุนแรงหลังทางธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ยังคงแกว่งตัวไซด์เวย์

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ในเดือนมกราคม 2566 มีเงินลงทุนเคลื่อนย้ายมายังตลาดหุ้นเอเชีย โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยหลังเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีต่อเนื่อง และมีข่าวดีจากการเปิดประเทศของจีน ส่งผลให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติ และมูลค่าการส่งออกจะกลับมาขยายตัวดีอีกครั้ง ประกอบกับค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิรวมทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรไทยกว่า 5.8 หมื่นล้านบาท

 

ภาพประกอบ การแถลงข่าว

 

ส่วนภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเดือนมกราคม 2566 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 530,429 สัญญา ลดลง 23.1% จากเดือนก่อน จากการลดลงของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures

 

บริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน mai เดือนมกราคม 66 มี 2 บริษัท

  • บมจ. มาสเตอร์ สไตล์ (MASTER)
  • บมจ. เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล (SAF)