หุ้นกู้ 6.5 เเสนล้านระสํ่าหนัก รับดอกเบี้ยขาขึ้น

07 ม.ค. 2566 | 09:54 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ม.ค. 2566 | 18:30 น.
12.9 k

ตะลึง ปี66 หุ้นกู้จ่อครบดีล 6.51 แสนล้านบาท แค่ไตรมาสแรก 1.64 แสนล้าน จับตาผิดนัดชำระหนี้ ท่ามกลางดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลต้นทุนใหม่พุ่ง พบปี 65 ยืดหนี้ 2.8 หมื่นล้านบาท

สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการตลาดหุ้นตั้งแต่ต้นปี เมื่อบริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กรณีผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้งวดที่ 5 ราว 10.6 ล้านบาท เนื่องจากขาดสภาพคล่อง มีกระแสเงินสดหมุนเวียนไม่พอ แม้อายุหุ้นกู้ มีประกันของ ALL ครั้งที่ 3/2564 จะครบกำหนดไถ่ถอนปี 2567

หุ้นกู้ 6.5 เเสนล้านระสํ่าหนัก รับดอกเบี้ยขาขึ้น

การผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ของ ALL ทำให้เกิดความกังวลว่า จะลามเป็นโดมิโนต่อบริษัทเอกชนรายอื่นๆที่มีการระดมทุนด้วยการออกหุ้น โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่พบว่า ในปี 2566 จะมีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระสูงถึง 1.27 แสนล้านบาทจากจำนวนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระหนี้ทั้งหมด 6.51 แสนล้านบาทในปี 2566 รองจากกลุ่มไฟแนนซ์ที่ครบกำหนดชำระสูงสุดที่ 1.34 แสนล้านบาท

ท่ามกลางดอกเบี้ยขาขึ้น จะทำให้ต้นทุนการออกหุ้นกู้ เพื่อนำมาชำระหุ้นกู้ที่ครบกำหนดจะสูงขึ้น โดยต้นทุนการออกหุ้นโดยเฉลี่ย อายุ 5 ปี ณ วันที่ 3 มกราคม 2566 คือ

  • อันดับความน่าเชื่อ AAA อยู่ที่  2.74%
  • อันดับความน่าเชื่อ A- อยู่ที่ 3.32%
  • อันดับความน่าเชื่อ BBB+ อยู่ที่ 4.33%

 

ส่วนหุ้นกู้อายุ 3 ปี 

  • อันดับความเชื่อถือ AAA อยู่ที่ 2.36%
  • อันดับความน่าเชื่อ A- อยู่ที่ 3.31%
  • อันดับความน่าเชื่อ BBB+ อยู่ที่  3.85%

 

 

Q1/65ครบดีล1.6แสนล้าน

นายสงวน จุงสกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานธุรกิจตลาดเงิน ตลาดทุน ธนาคาร กรุงไทย หรือ KTB เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ระยะสั้นมีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด 1.56 แสนล้านบาทในไตรมาสแรก เฉพาะเดือนมกราคาจำนวน 39,911 ล้านบาท ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอาจจะส่งผลให้ภาคเอกชนต้องหาแหล่งเงินที่ต้นทุนถูกแทน

 

นายสงวน จุงสกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานธุรกิจตลาดเงิน ตลาดทุน ธนาคาร กรุงไทย

 

ประกอบกับช่วง 3 ไตรมาสแรกปีก่อน ตลาดแย่งกันออกหุ้นกู้ เพราะต้นทุนการออกหุ้นกู้ถูกลงตาม Yield Curve ของพันธบัตรรัฐบาลไทยที่ปรับขึ้นไปก่อนหน้า แม้ดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นก็ตาม

 

ทั้งนี้ต้นทุนการออกหุ้นกู้ ในไตรมาส 4 ปี 2565 หุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ A- อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยเหลือ 3.32% จากสิ้นไตรมาส 3 ปี 2564 อยู่ที่ 3.89% โดยปรับลดลง 0.57% หรือหุ้นกู้ BBB+ ดอกเบี้ยลดลง 0.7% มาอยู่ 4.33% จากสิ้นไตรมาส 3 ปี 2564 อยู่ที่ 5.03%

 

อย่างไรก็ตาม ปีนี้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น ดังนั้นภาคเอกชนอาจต้องหาแหล่งเงินที่ต้นทุนถูกลง หลังจากปี 2565 จะเห็นว่า ภาคเอกชนระดมทุน โดยการออกหุ้นกู้จำนวนมาก ทำให้ยอดคงค้างหุ้นกู้เพิ่มขึ้น 4.4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นยอดคงค้างที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในปีเดียวและทำให้ยอดคงค้างหุ้นกู้รวมเพิ่มเป็น 4.3 ล้านล้านบาท

 

ขณะที่อายุหุ้นกู้ไทยจะมีระยะเวลายาวขึ้น เฉลี่ย 3.3 ปีเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2564 ที่มีอายุเฉลี่ย 2.8 ปี สะท้อนการล็อคต้นทุนที่ยาวขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา

 

ปี65 ขอยืดหนี้ 24 ราย

ส่วนแนวโน้มการผิดนัดชำระหนี้นายสงวนกล่าวว่า เชื่อว่า สัญญาณการผิดนัดชำระหุ้นกู้รอบปี 2565 มี 24 บริษัท มียอดคงค้าง 100,130 ล้านบาท คิดเป็น 2.32%ต่อยอดคงค้างตลาดหุ้นกู้ทั้งระบบ 4.3 ล้านล้านบาท แต่หากตัดหุ้นกู้ของบมจ.การบินไทยกว่า 7.7 หมื่นล้านบาทออกไปจะเห็นว่า หุ้นกู้ผิดนัดชำระมีเพียง 2.85 หมื่นล้านบาท คิดเป็นเพียง 0.66% ของยอดคงค้างหุ้นกู้ทั้งระบบ

 

นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทยกล่าวว่า ภาพรวมปี 2566 จะมีหุ้นกู้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่จะครบกำหนดรวม 6.51 แสนล้านบาท ครอบคลุม 27 กลุ่มอุตสาหกรรม โดยไตรมาสแรก มีหุ้นกู้จะครบกำหนด 1.6 แสนล้านบาท ไตรมาส 2 รวม 169,846 ล้านบาท ไตรมาส 3 รวม 167,469 ล้านบาท และไตรมาส 4 รวม 149,636 ล้านบาท

นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีหุ้นกู้ครบกำหนด 10 อันดับแรกคือ

  1. ไฟแนนซ์ 133,564 ล้านบาท
  2. อสังหาริมทรัพย์ 127,358 ล้านบาท
  3. ไอซีที 91,473 ล้านบาท 
  4. พลังงาน 55,148 ล้านบาท
  5. การสื่อสาร 54,477 ล้านบาท
  6. อาหาร 49,432 ล้านบาท
  7. วัสดุก่อสร้าง 36,656 ล้านบาท
  8. ขนส่งและโลจิสติกส์ 26,109 ล้านบาท
  9. ธนาคาร 20,409 ล้านบาท
  10. การเกษตร 11,828 ล้านบาท

 

SNW ขอยืดหนี้อีกราย

ล่าสุดมีรายงานว่า บริษัท สยามนุวัตร จำกัด(มหาชน) หรือ SNW  บริษัทดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเลื่อนชำระหนี้หุ้นกู้จากที่ครบกำหนดปีนี้ออกไป 1 ปีคือ

  • หุ้นกู้ “รุ่น SNW231A” วงเงิน 200 ล้านบาท ครบกำหนดในวันที่ 27 มกราคม 66
  • หุ้นกู้ “รุ่น SNW233A ”วงเงิน 160 ล้านบาท ครบกำหนดในวันที่ 2 มี.ค.66
  • หุ้นกู้ “รุ่น SNW233A ” วงเงิน 200 ล้านบาท ครบกำหนดในวันที่ 28 เม.ย. 66

แต่ SNW ต่างจากALL ตรงที่ ยังไม่ขาดสภาพคล่อง

 

ด้านบมจ. อารียา พรอพเพอร์ตี้ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวว่า จะขอยืด ชำระหนี้หุ้นกู้ออกไปหรือไม่ หลังจากพบว่า หุ้นกู้ปี 2566 ทยอยครบกำหนดชำระได้แก่

  1. หุ้นกู้รุ่น A231A จำนวน 971.20 ล้านบาท ดอกเบี้ย 6.35% ครบกำหนด 19 ม.ค. 2566
  2. หุ้นกู้รุ่น A233A จำนวน 645 ล้านบาท ดอกเบี้ย 7% ครบกำหนด 11 มี.ค. 2566 (แต่เนื่องจาก 11 มี.ค. 2566 เป็นวันหยุด จึงเลื่อนชำระคืนเป็น 13 มี.ค. 2566)

 

ทั้งนี้หุ้นกู้ทั้งรุ่น 1 และ 2 บมจ.อารียา อยู่ระหว่างออกหุ้นกู้ 2,000 ล้านบาท เพื่อมาทดแทนหุ้นกู้ทั้ง 2 รุ่น ( Effective Date 11 ม.ค. 2566) 3. หุ้นกู้รุ่น A238A จำนวน 1,348.5 ล้านบาท ดอกเบี้ย 7% ครบกำหนด 11 ส.ค. 2566