FETCO มองหุ้นไทยปี 66 ผันผวนสูง หวั่นวิกฤติตลาดเกิดใหม่กระทบชิ่ง

09 พ.ย. 2565 | 15:19 น.
อัปเดตล่าสุด :10 พ.ย. 2565 | 14:46 น.

ประธานสภาธุรกิจตลาดทุน "กอบศักดิ์" คาดดัชนี SET สิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,685 จุด แรงหนุนจากโฟลว์ไหลเข้า การท่องเที่ยวเริ่มฟื้น หนุนเงินบาทกลับมามีเสถียรภาพ มองปี 66 เสี่ยงผันผวนสูง หวั่นวิกฤตตลาดเกิดใหม่กระทบซิ่งไทย

 

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยถึง แนวโน้มดัชนีหุ้นไทย(SET Index ) คาดสิ้นปีนี้จะอยู่ระดับ1,685 จุด สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวในปัจจุบันที่ 1,585-1,709 จุด จากเงินทุนต่างชาติที่ยังคงไหลเข้าต่อเนื่อง หลังกองทุนต่างๆ อยู่ในช่วงของการปรับพอร์ตการลงทุน และมีการ Relocate มาในตลาดหุ้นที่มีเสถียรภาพ โดยเฉพาะตลาดอาเซียนที่นักลงทุนมองว่าเป็น Safe Haven 

 

อีกทั้งภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปี หลังจากในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทยแล้ว กว่า 6 ล้านคน และคาดว่าจะแตะระดับ 10 คน ภายในช่วงสิ้นปีนี้ ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยเริ่มเป็นบวก ทำให้ค่าเงินบาทเริ่มกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้น
       

อย่างไรก็ดี ปัจจัยบวกดังกล่าว เป็นเพียงภาพระยะสั้น เนื่องจากคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังออกมาส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง เพื่อคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับ 2% ขณะเดียวกันก็มีเรื่องของภาวะเศรษฐกิจถดถอย ( Resession ) ที่รออยู่ข้างหน้าด้วย เนื่องจากมองว่าปี 66 เศรษฐกิจโลกน่าจะผันผวนมากขึ้น รวมถึงตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ที่น่าจะมีความผันผวนด้วยจากประเทศที่มีดอกเบี้ยพันธบัตรสูง และไม่สามารถชำระหนี้ได้ ทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ และส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อตลาดโดยรวม" ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวและว่า

 

ปัจจัยข้างต้น ทำให้ตลาดหุ้นไทยในปี 2566 ยังมีความเสี่ยงสูง โดยมองแนวโน้มดัชนีฯ ในปีหน้า น่าจะปรับตัวขึ้นในช่วงต้นปี แต่เมื่อเข้าสู่กลางปีเป็นต้นไป อาจจะได้รับแรงกดดันจากตลาด Emerging Markets ที่ส่งผลกระทบมายังตลาดหุ้นไทย ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเตรียมการรับมือ เพื่อให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆใน Emerging Markets
          

 

"เมื่อถึงกลางปีหน้า ตอนที่ดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นไปสูงสุด และเศรษฐกิจเริ่มติดลบและส่งผลกระทบต่อการส่งออก ก็จะเริ่มมีคำถามว่าประเทศไหนใน Emerging Markets จะมีปัญหาบ้าง และในจุดนั้นทุกคนจะกังวลใจต่อ Emerging Markets โดยรวม ประเทศไทยก็จะได้รับผลกระทบในช่วงนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะสามารถดูแลภาพรวมได้ดีแค่ไหน ทั้งในเรื่องการเสริมภาคท่องเที่ยว การดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้ปัญหาปีหน้า ผ่อนหนักเป็นเบา " นายกอบศักดิ์ กล่าว                      

อ่านเพิ่ม  :  รายงานดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนฉบับเดือน พ.ย.2565                                            

 

FETCO เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ในเดือนตุลาคม 2565 พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 108.86 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 60.5% จากเดือนก่อนหน้าขึ้นมา โดยอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”  
 

 

โดยนักลงทุนมองว่าการฟื้นต้วของภาคท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือความคาดหวังต่อการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ความไม่แน่นอนต่อนโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED รองลงมาคือ สถานการณ์เงินเฟ้อ และสถานการณ์โรคระบาด Covid-19

 

FETCO มองหุ้นไทยปี 66 ผันผวนสูง หวั่นวิกฤติตลาดเกิดใหม่กระทบชิ่ง


“ผลสำรวจ ณ เดือนตุลาคม 2565 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนทุกกลุ่มปรับเพิ่มขึ้นโดย นักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ม 46.7% อยู่ที่ระดับ 113.43 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่มขึ้น 11.1% อยู่ที่ระดับ 111.11 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่มขึ้น 14.7% อยู่ที่ระดับ 130.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับเพิ่ม 150.0% อยู่ที่ระดับ 100.00

    

ในช่วงเดือนตุลาคม 2565 SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีปัจจัยหนุนจากอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัว ความคาดหวังว่าเฟดจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย แนวโน้มการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ปรับสูงขึ้นกว่าคาด   

 

รวมถึงการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ของกลุ่มธนาคารซึ่งออกมาดีตามความคาดหมาย โดย SET Index ณ สิ้นเดือนตุลาคมปิดที่ 1,608.76 จุด  ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2% จากเดือนก่อนหน้า ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิในเดือนตุลาคม  2565 กว่า 7,467 ล้านบาท โดยตลอดทั้งปี 2565 นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิเป็นมูลค่า 153,932 ล้านบาท