ปอนด์แข็งค่า รับข่าวนายกฯอังกฤษลาออก

21 ต.ค. 2565 | 08:40 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ต.ค. 2565 | 15:43 น.

เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันพฤหัสฯ (20 ต.ค.) นับเป็นผลพวงหลังจากนางลิซ ทรัสส์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปก็ขานรับในเชิงบวกเช่นกัน

 

เงินปอนด์ แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.1216 ดอลลาร์ จากเดิมอยู่ที่ระดับ 1.1214 ดอลลาร์ เมื่อวันพฤหัสฯ (20 ต.ค.) หลัง นางลิซ ทรัสส์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม (พรรคคอนเซอร์เวทีฟ) และตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ

 

ในวันเดียวกัน ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกขานรับข่าวการลาออกของนางลิซ ทรัสส์ ซึ่งหมายความว่าแผนการด้านเศรษฐกิจของเธอต้องยุติลงด้วย หลังจากที่สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการเงินในช่วงที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ เมื่อวันพฤหัสฯ (20 ต.ค.) ดัชนี STOXX 600 ของยุโรป ปิดที่ 398.77 จุด เพิ่มขึ้น 1.04 จุด หรือ +0.26% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,086.90 จุด เพิ่มขึ้น 46.18 จุด หรือ +0.76%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,767.41 จุด เพิ่มขึ้น 26.00 จุด หรือ +0.20% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,943.91 จุด เพิ่มขึ้น 18.92 จุด หรือ +0.27%

 

นางทรัสส์เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเธอเพิ่งสั่งปลดนายกวาซี กวาร์เทง รัฐมนตรีคลังออกจากตำแหน่ง และยกเลิกแผนการด้านเศรษฐกิจทั้งหมดของเธอ หลังจากที่แผนปรับลดภาษีครั้งใหญ่โดยไม่มีเงินทุนรองรับนั้น ได้ส่งผลให้เงินปอนด์และราคาพันธบัตรของอังกฤษดิ่งลงอย่างหนัก จนธนาคารกลางอังกฤษต้องเข้ามาแทรกแซง

 

ทั้งนี้ การที่นางลิซ ทรัสส์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยม ส่งผลให้เธอพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ การลาออกดังกล่าว ยังทำให้นางทรัสส์กลายเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษที่ดำรงตำแหน่งน้อยที่สุดคือเพียง 45 วัน

 

การประกาศลาออกดังกล่าว มีขึ้นท่ามกลางมรสุมทางการเมืองในอังกฤษ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นางทรัสส์ได้กล่าวขอโทษสำหรับความผิดพลาดในการประกาศมาตรการปรับลดภาษีวงเงิน 4.5 หมื่นล้านปอนด์ ซึ่งสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการเงินทั่วโลก และบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน

 

ก่อนหน้านี้ราวต้นเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่นางลิซ ทรัสส์ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ธนาคารดอยซ์แบงก์ ได้เคยออกมาเตือนว่า อังกฤษเสี่ยงเผชิญวิกฤตเงินปอนด์หลังนางลิซ ทรัสส์ ขึ้นเป็นนายกฯ เนื่องจากอังกฤษกำลังประสบยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่แตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่เงินเฟ้อยังพุ่งแรง ไร้ปัจจัยที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน

 

 

"ด้วยยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่แตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์อยู่แล้ว ปอนด์ต้องการเม็ดเงินทุนไหลเข้ามหาศาลซึ่งต้องอาศัยการสนับสนุนจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุน และการคาดการณ์เงินเฟ้อที่ลดลง ทว่าสถานการณ์กลับดำเนินไปในทิศทางตรงกันข้าม" รายงานของดอยซ์แบงก์ระบุ

 

อังกฤษกำลังเผชิญปัญหาจากอัตราเงินเฟ้อที่แตะระดับสูงสุดในกลุ่มประเทศ G10 และแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง ขณะเดียวกัน การขยายงบประมาณการคลังขนานใหญ่แบบไร้เป้าหมายทั้งที่ขาดแคลนเงินทุน ควบคู่ไปกับความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงอำนาจหน้าที่ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจทำให้การคาดการณ์เงินเฟ้อสูงยิ่งขึ้นไปอีก