ดาวโจนส์ปิดร่วง 107 จุด นักลงทุนเทขายหุ้น วิตกเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย

23 ก.ย. 2565 | 06:35 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.ย. 2565 | 13:38 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันพฤหัสบดี (22 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นปัจจัยกดดันให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,076.68 จุด ลดลง 107.10 จุด หรือ -0.35%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,757.99 จุด ลดลง 31.94 จุด หรือ -0.84% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,066.81 จุด ลดลง 153.39 จุด หรือ -1.37%

 

เฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่าเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่เฟดยังคงส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 ซึ่งสร้างความผิดหวังต่อนักลงทุนที่คาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้า นอกจากนี้ นักลงทุนวิตกว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังเฟดปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐในปีนี้เหลือเพียง 0.2%
       

ทางด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดแถลงกับผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมว่า เขาจะไม่พิจารณาเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะมั่นใจว่าตัวเลขเงินเฟ้อปรับตัวลงสู่ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% แม้ว่าการดำเนินการดังกล่าวอาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงก็ตาม ขณะเดียวกันนายพาวเวลยอมรับว่า โอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะอยู่ในลักษณะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือซอฟต์แลนดิ้งนั้น มีน้อยลง

 

ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการประชุมเฟดและการแถลงของนายพาวเวล นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมอีก 2 ครั้งที่เหลือในปีนี้ โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 68.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมวันที่ 1-2 พ.ย. และให้น้ำหนัก 66.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.

หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดตลาดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และกลุ่มการเงิน โดยหุ้นราล์ฟ ลอเรน ดิ่งลง 4.25% หุ้นไนกี้ ร่วงลง 1.24% หุ้นมาสเตอร์การ์ด ร่วงลง 2.02% หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ดิ่งลง 3.82% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.96%
         

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยร่วงลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 4.1% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551 โดยหุ้นแอมะซอน ร่วงลง 1.04% หุ้นแอปเปิล ลดลง 0.64% หุ้นอินวิเดีย ดิ่งลง 5.28% หุ้นเทสลา ร่วงลง 4.06%
         

หุ้นกลุ่มสายการบินถูกเทขายออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ร่วงลง 4.62% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ดิ่งลง 3.85% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 3.93% หุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส ร่วงลง 7.07%
         

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 5,000 ราย สู่ระดับ 213,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 218,000 ราย
         

ทางด้าน Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ของสหรัฐปรับตัวลง 0.3% ในเดือนส.ค. หลังจากร่วงลง 0.5% ในเดือนก.ค. โดยปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย โดยได้รับผลกระทบจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)