ดาวโจนส์ปิดบวกเล็กน้อย 18 จุด ขานรับผลประกอบการ-ข้อมูลเศรษฐกิจสดใส

19 ส.ค. 2565 | 06:37 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ส.ค. 2565 | 13:37 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (18 ส.ค.) หลังจากบริษัทซิสโก ซิสเต็มส์เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด และช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัว นอกจากนี้ตลาดยังขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,999.04 จุด เพิ่มขึ้น 18.72 จุด หรือ +0.06%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,283.74 จุด เพิ่มขึ้น 9.70 จุด หรือ +0.23% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,965.34 จุด เพิ่มขึ้น 27.22 จุด หรือ +0.21%
         

หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็น 1 ใน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ ทะยานขึ้น 5.81% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4 ของปีงบการเงิน 2565 อยู่ที่ 1.31 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.279 หมื่นล้านดอลลาร์
         

ส่วนรายได้ในปีงบการเงิน 2565 ของซิสโก ซิสเต็มส์เพิ่มขึ้น 3.4% นอกจากนี้ บริษัทคาดว่ารายได้ในปีงบการเงิน 2566 จะเพิ่มขึ้นราว 4% - 6% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.3%

 

ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของซิสโก ซิสเต็มส์ช่วยหนุนหุ้นบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) พุ่งขึ้น 2.21% หุ้นอัลฟาเบท บวก 0.52% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 1.17% หุ้นไอบีเอ็ม เพิ่มขึ้น 0.93%

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดีดขึ้นเหนือระดับ 90 ดอลลาร์ได้อีกครั้งเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.75% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.41% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 3.47% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทะยานขึ้น 5.78%
         

หุ้นโคห์ลส์ คอร์ป ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 7.72% หลังบริษัทปรับลดคาดการณ์ยอดขายและกำไรในปีงบการเงิน 2565 โดยระบุว่า ลูกค้ากลุ่มรายได้ปานกลางได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อ ส่งผลให้ยอดขายลดลงในหมวดเสื้อผ้าและรองเท้า นอกจากนี้ โคห์ลส์ระบุว่าผู้บริโภคได้ลดการเข้าซื้อสินค้าตามห้างและลดวงเงินในการใช้จ่าย โดยหันไปซื้อสินค้าราคาถูก
         

ทั้งนี้ โคห์ลส์คาดว่ายอดขายสุทธิในปีงบการเงิน 2565 จะลดลง 5-6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จากเดิมคาดว่าจะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้น 1% และคาดว่ากำไรต่อหุ้นจะอยู่ที่ระดับ 2.80-3.20 ดอลลาร์ ลดลงจากเดิมคาดว่าอยู่ที่ระดับ 6.45-6.85 ดอลลาร์

ตลาดยังคงประเมินรายงานการประชุมประจำวันที่ 26-27 ก.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดมีความมุ่งมั่นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเท่าที่จำเป็น จนกว่าจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อ แต่ในขณะเดียวกัน เฟดส่งสัญญาณว่าอาจชะลอการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยตระหนักว่าเศรษฐกิจสหรัฐในขณะนี้มีความเสี่ยงที่จะเผชิญช่วงขาลง
         

นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนก.ย. หลังเฟดส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรายงานการประชุมเดือนก.ค. โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 61.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 2.75-3.00% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 38.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
         

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก พุ่งขึ้นสู่ระดับ +6.2 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -5.0 จากระดับ -12.3 ในเดือนก.ค. โดยดัชนีอยู่เหนือระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกมีการขยายตัว
         

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 250,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 265,000 ราย