หลังประกาศเดินหน้ารุกตลาดภูมิภาค AEC+3 เพื่อขึ้นแท่นธนาคารยุคใหม่แห่งภูมิภาค นายภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ภายใต้แผน 3 ปีคือตั้งแต่ปี 2564-2566 จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากสาขาต่างประเทศเป็น 5% ของรายได้รวมหรือคิดเป็นเม็ดเงิน 9,000 ล้านบาทในปีที่ 3 หรือปี 2566
ธนาคารมีพอร์ตสินเชื่อราว 1 แสนล้านบาท โดยมาจากสาขาในจีน 50% ราว 4,500 ล้านบาทที่เหลือเป็นเวียดนามและกัมพูชา จากครึ่งปีที่ผ่านมา รายได้จากสาขาต่างประเทศมีสัดส่วน 2.2% คิดเป็นเม็ดเงินสุทธิ 1,400 ล้านบาท โดยมาจากจีน เวียดนาม สปป.ลาวและกัมพูชา และยังไม่มีรายได้จากอินโดนีเซีย
ส่วนความคืบหน้าการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นจากเดิม 9.9% เป็น 67.50% เม็ดเงินลงทุนราว 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในธนาคาร แมสเปี้ยน (PT Bank Maspion Indonesia Tbk) อินโดนีเซียผ่านบริษัท กสิกร วิชั่น ไฟแนนเชียล (KVF) นายภัทรพงศ์กล่าวว่า อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาจากธนาคารกลางอินโดนีเซียคาดว่า น่าจะได้รับการอนุมัติภายในปลายปีนี้ โดยน่าจะเริ่มดำเนินการได้ในต้นปีหน้า
ทั้งนี้ยังมีขั้นตอนต้องประชุมคณะกรรมการธนาคารแมสเปี้ยน เพื่อเปลี่ยนผู้ถือหุ้น เปลี่ยนคณะกรรมการ และผู้บริหาร โดย KVF จะส่งผู้บริหาร 3 คนในจำนวน 5 คนรวมถึงมีการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์(tender offer) ตามกฎระเบียบของธนาคารกลางอินโดนีเซียจากนั้นจะเป็นการลงทุนระบบด้านไอที
ส่วนเป้าหมายการทำตลาดของแมสเปี้ยนมี 3 แนวทางคือ 1.รุกขยายสินเชื่อให้กับลูกค้าธุรกิจ ทั้งลูกค้าที่เข้าไปลงทุนและลูกค้าท้องถิ่น 2.ขยายฐานลูกค้าผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรของธนาคาร เน้นให้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัลและต่อยอดสู่การเชื่อมต่อการทำธุรกรรมในระดับภูมิภาค และ 3. พัฒนาการให้บริการทางการเงินในรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะการให้สินเชื่อดิจิทัล โดยใช้ Alternative Data ให้เข้าถึงกลุ่ม Underbanked ซึ่งเป็นฐานลูกค้าใหญ่ใน AEC+3
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,808 วันที่ 11 - 13 สิงหาคม พ.ศ. 2565