ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ 2565 ชัดแล้วสิงหาคมนี้ ดูด่วนที่นี่

29 ก.ค. 2565 | 00:01 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ก.ค. 2565 | 02:34 น.
35.5 k

ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ชัดเจนแล้ว เดือนสิงหาคมนี้เปิดลงทะเบียนผ่าน 2 ช่องทาง เช็ครายละเอียดที่นี่

วันที่ 28 กรกฎาคม 2565 ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ เริ่มมีความชัดเจนเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ เมื่อ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ คาดว่าจะเริ่มเปิดลงทะเบียนได้ภายในเดือนสิงหาคม จ้างนักศึกษา อาชีวะ ผู้ที่จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และไม่มีงานทำ มาฝึกอบรบเพื่อแนะนำในเรื่องของการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่

 

นายสันติ ยังกล่าวถึงเหตุผลที่จ้างนักศึกษา อาชีวะ และ คนไม่มีงานทำมาช่วยทำหน้าที่  เพราะการลงทะเบียนครั้งนี้คาดว่าจะมีผู้ลงทะเบียนมากกว่า 10 ล้านคน และต้องการให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าสู่ระบบให้หมด

ลงทะเบียนผ่าน 2 ช่องทาง ดังนี้

  • ทางออนไลน์ หรือ เว็บไซต์ที่ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง กำหนดขึ้นมาเพื่อเปิดให้ผู้มีคุณสมบัติลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่
  • สมัครด้วยตัวเอง

ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565

 

 

คุณสมบัติลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 รอบใหม่ รายละเอียด

  • สัญชาติไทย มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปไม่เป็นบุคคลดังต่อไปนี้ ภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช ผู้ต้องขัง ผู้ถูกกักกัน ผู้ต้องกักขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ฯ ข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงาน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ ผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญปกติ หรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา
  • มีรายได้ส่วนตัวเฉลี่ยของครัวเรือนต่อคนไม่เกิน 1 แสนบาท 
  • ไม่มีทรัพย์สินทางการเงินได้แก่ เงินฝาก สลาก พันธบัตรและตราสารหนี้ภาครัฐ เฉลี่ยเกิน 100,000 บาทต่อคน 
  • จะต้องไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ เกินกำหนด เช่น บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ พื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา
  •  ห้องชุดไม่เกิน 35 ตารางเมตร
  • ส่วนที่ดินเพื่อการเกษตรไม่เกิน 10 ไร่
  • ที่ดินทั่วไปไม่เกิน 1 ไร่ 
  • ไม่มีบัตรเครดิต 
  • ไม่มีเงินกู้เกินที่กำหนด  เช่น กู้สำหรับที่อยู่อาศัยไม่เกิน 1.5 ล้านบาท วงเงินกู้รถยนต์ไม่เกิน 1 ล้านบาท.

 

ที่มา: กรมบัญชีกลาง