DITP เปิดรายชื่อ โอกาสสินค้าไทยใน “เนเธอร์แลนด์” หลังความต้องการพุ่ง

28 ก.ค. 2565 | 17:05 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ก.ค. 2565 | 00:10 น.
1.1 k

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผย “ซอสและเครื่องปรุงรส” ของไทย มีโอกาสขยายตลาดในเนเธอร์แลนด์ หลังความต้องการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งการนำไปจิ้มกับอาหารทานเล่น และใช้ปรุงอาหารรับประทานที่บ้าน

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ล่าสุดได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงปราก พบว่าขณะนี้ซอสและเครื่องปรุงรสไทย ในตลาดเนเธอร์แลนด์ มีความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น หลังในช่วงโควิด-19 ชาวดัตช์หันมาทำอาหารบริโภคที่บ้านเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นโอกาสการขยายตลาดของผู้ประกอบการไทย

ทูตพาณิชย์ได้รายงานอีกว่า เทรนด์การบริโภคอาหารของชาวดัตช์ ไม่เพียงแต่นิยมอาหารที่ทำจากพืช แต่ยังชอบทานอาหารทานเล่น โดยเฉพาะของทอด ทำให้มีความต้องการซอสจิ้มต่าง ๆ เพิ่มขึ้น และจากผลกระทบโควิด-19 ที่ทำให้ร้านอาหารต้องปิดบริการชั่วคราว

 

มีการทำงานที่บ้าน ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ชาวดัตช์มีการปรุงอาหารรับประทานเองมากขึ้น จึงมีความต้องการวัตถุดิบ เครื่องปรุงรส และซอสต่าง ๆ เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

โดยซอสและเครื่องปรุงรส ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น เช่น ซอสพริก ซอสพริกศรีราชา ซอสพริกศรีราชาผสมมายองเนส น้ำจิ้มปอเปี๊ยะ น้ำจิ้มไก่ น้ำจิ้มสุกี้ น้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มบ๊วย น้ำยำ น้ำสลัด น้ำปลาหวาน เป็นต้น

 

และซอสปรุงรสประเภทต่าง ๆ เช่น น้ำปลา น้ำปลาร้า น้ำมันหอย ซีอิ้วขาว ซีอิ้วขาวเห็ดหอม ซีอิ้วดำ ซีอิ้วดำหวาน น้ำส้มสายชู ซอสผัดไทย ซอสผัดกระเพรา ซอสบาร์บีคิว ซอสผัดพริกไทยดำ ซอสผัดเปรี้ยวหวาน เป็นต้น

 

DITP เปิดรายชื่อ โอกาสสินค้าไทยใน “เนเธอร์แลนด์” หลังความต้องการพุ่ง

 

นอกจากนี้ ทูตพาณิชย์ยังรายงานอีกว่ามีสินค้าไทยหลายรายการกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยจะเห็นได้จากการมีผลิตภัณฑ์อาหารและขนมขบเคี้ยวที่มีรสชาติไทย มีรสเผ็ด หรือมีพริก ซอสพริก หรือซอสรสเผ็ดเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์

 

เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสซอสศรีราชา ซอสสำหรับจิ้มหรือทานคู่กับอาหาร โดยเฉพาะ Sriracha Mayo และขนมขบเคี้ยวที่มีการพัฒนารสชาติเป็นรสซอสศรีราชา รส Thai Sweet Chili Sauce เป็นต้น ที่ผลิตออกมาเพื่อดึงดูดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในตลาด

 

DITP เปิดรายชื่อ โอกาสสินค้าไทยใน “เนเธอร์แลนด์” หลังความต้องการพุ่ง

 

นายภูสิตกล่าวว่า ผู้ผลิตและผู้ส่งออกจะต้องไม่ลืมว่าผู้บริโภคชาวดัตช์ ให้ความสำคัญและใส่ใจเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก และเนเธอร์แลนด์เป็นสังคมผู้บริโภค ที่ผู้บริโภคมีปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อสินค้าโดยมุ่งเน้นด้านราคาและคุณภาพเป็นหลัก

 

ผู้ประกอบการไทยจึงควรให้ความสำคัญกับคุณภาพและมาตรฐานการผลิต คุณภาพของส่วนผสมและวัตถุดิบที่เป็นธรรมชาติ ปราศจากสารปนเปื้อนและสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ และควรพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายและแตกต่าง แต่ยังคงเอกลักษณ์ของรสชาติความเป็นไทย

 

บรรจุภัณฑ์ควรทำจากวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่ใช้งานได้ง่ายและสะดวก มีหลายขนาดเพื่อความเหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่ม เช่น กลุ่มร้านอาหาร และกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป

 

และควรมีรายละเอียดของผลิตภัณฑ์บนฉลากบรรจุภัณฑ์ที่ถูกต้องครบถ้วนตามกฎระเบียบของสหภาพยุโรป เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ซอสของไทยเป็นที่นิยมมากขึ้น สามารถขยายตลาดและเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว

 

ทั้งนี้ ในปี 2564 ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรสและสิ่งปรุงรสอาหารไปเนเธอร์แลนด์ มูลค่า 56.39 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 26.80% โดยประเทศคู่ค้าที่เนเธอร์แลนด์นำเข้าผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรสและสิ่งปรุงรสอาหารมากที่สุด ได้แก่ เยอรมนี เบลเยี่ยม โปแลนด์ สหราชอาณาจักร และไทย

 

โดยการนำเข้าผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรสและสิ่งปรุงรสอาหารของไทยส่วนใหญ่จะเป็นการนำเข้าผ่านผู้นำเข้าสินค้าอาหารเอเชียทั้งรายใหญ่และรายเล็ก และมีการวางจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตหลักของเนเธอร์แลนด์

 

เช่น Albert Heijn , Jumbo , Plus , Aldi , Lidl ทั้งในรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบรนด์ไทย และผลิตภัณฑ์ที่เป็น Private Label Brand แต่ผลิตในประเทศไทย และยังมีการวางจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตเอเชียและร้านขายสินค้าเอเชีย

 

สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายด่วนการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169