หลักทรัพย์บัวหลวงชวนลงทุนตลาดจีน-ฮ่องกง ผ่าน 2 DR ใหม่

13 ก.ค. 2565 | 13:09 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ก.ค. 2565 | 20:09 น.

หลักทรัพย์บัวหลวง ชวนสร้างโอกาสรับผลตอบแทนการลงทุนต่างประเทศต่อเนื่อง ส่ง 2 DR ใหม่ “CN01” และ “CNTECH01” ลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ของจีน และหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำของจีนและฮ่องกง

นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการอาวุโส กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ หลักทรัพย์บัวหลวงเปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จอย่างดีจากการออกตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR) ตราสารที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นหรือ ETF ในต่างประเทศได้ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ปัจจุบันเสนอขายไปแล้ว 4 หลักทรัพย์ คือ E1VFVN3001, FUEVFVND01, NDX01 และ STAR5001     

นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการอาวุโส กิจการค้าหลักทรัพย์ บล. บัวหลวง จำกัด

 

ทุกหลักทรัพย์ได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี สะท้อนผ่านมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ E1VFVN3001 ที่เป็น DR ตัวแรกของตลาดหุ้นไทยที่มีมูลค่า 5,800 ล้านบาท เติบโตจากช่วง IPO ปลายปี 2561 ที่มีมูลค่า 600 ล้านบาท

บริษัทจึงต่อยอดความสำเร็จ ด้วยการเปิดตัว 2 DR น้องใหม่ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนได้ลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ของจีน และหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำของจีนและฮ่องกงที่มีแนวโน้มขยายตัวไปพร้อมกับการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว ประกอบด้วย

 

  • DR “CN01” อ้างอิง ChinaAMC CSI 300 Index ETF (3188.HK) ที่ลงทุนในหุ้นจีน A-Shares ขนาดใหญ่ 300 ตัวเรียงตามมูลค่าตลาดที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น โดยจะเน้นลงทุนแบบกระจายตัวในหลากหลายอุตสาหกรรมทั้งกลุ่ม Old Economy และ New Economy เช่น หุ้น Kweichow Moutai ผู้ผลิตจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ใหญ่สุดของจีน, หุ้น CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ EV และ BYD ผู้ผลิตรถยนต์ที่มียอดขายรถ EV มากที่สุดของโลกในไตรมาส 2 แซงหน้า Tesla เป็นต้น

ทั้งนี้ DR “CN01” เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนเติบโตไปกับเศรษฐกิจจีนที่มีมูลค่า GDP ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา สะท้อนจากตัวเลข GDP ในช่วง ปี 2554-2564 ที่เติบโตเฉลี่ยราว 7% ต่อปี และมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของโลกในอนาคต

 

  • DR "CNTECH01” อ้างอิง ChinaAMC Hang Seng TECH ETF (3088.HK) ที่ลงทุนหุ้นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกของจีนและฮ่องกงกว่า 30 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงที่ขึ้นชื่อว่า เป็นศูนย์กลางทางการเงินของเอเชีย

 

หุ้นในดัชนี Hang Seng TECH ส่วนใหญ่เป็นหุ้นเทคโนโลยีที่เติบโตไปกับธีม New Economy ซึ่งเป็นที่รู้จักในระดับสากล เช่น

  • Alibaba (9988.HK) เจ้าของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและธุรกิจคลาวด์อันดับ 1 ของจีน
  • Tencent (700.HK) บริษัทเทคโนโลยีของจีน ผู้พัฒนาเกมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลกในแง่รายได้ และครอบครอง WeChat แอปพลิเคชันส่งข้อความที่คนจีนใช้มากที่สุด
  • Xiaomi (1810.HK) บริษัทสัญชาติจีน หนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อัจฉริยะ (IoT) ที่มีราคาเข้าถึงได้

 

หุ้นในดัชนี Hang Seng TECH ส่วนใหญ่เป็นบริษัทจีนที่มาจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ทำให้สัดส่วนกว่า 85% ของบริษัทที่อยู่ในดัชนีมีรายได้มาจากจีนเป็นหลัก ทำให้สามารถวิเคราะห์และติดตามความเป็นไปของเศรษฐกิจจีนโดยรวมได้

 

สำหรับ DR “CN01” และ DR "CNTECH01” จะเปิดให้ลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวงจองซื้อ IPO ผ่านเว็บไซต์หลักทรัพย์บัวหลวง ตั้งแต่วันที่ 18-19 กรกฎาคม 2565 ซึ่งหลังเสนอขาย DR 2 ตัวใหม่ บริษัทจะมี DR ที่ลงทุนในหุ้นจีน 3 หลักทรัพย์ ซึ่งมีธีมการลงทุนที่แตกต่างกันชัดเจน ดังนั้นจะเห็นได้ว่า DR ทั้ง 3 หลักทรัพย์สามารถเลือกลงทุนได้ในมุมที่แตกต่างกัน เช่น

  • CN01 มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น ChinaAMC CSI 300 ETF กระจายลงทุนในหุ้น A-share ขนาดใหญ่ เกาะการเติบโตของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีนโดยรวม,
  • CNTECH01 มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น ChinaAMC Hang Seng TECH ETF  เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของตลาดหุ้นฮ่องกง
  • STAR5001 มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น Premia China STAR50 ETF เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีและนวัตกรรม A-share ที่มีขนาดกลางและเล็ก

 

นายรัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส   หลักทรัพย์บัวหลวงกล่าวเสริมว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงเริ่มฟื้นตัวจากปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพราะเศรษฐกิจจีนเพิ่งผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปในช่วงไตรมาส 2 ปี 2565 และคาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวจากการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายสวนทางกับธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังต่ำระดับ 2-3% เมื่อเทียบประเทศสหรัฐอเมริกาและไทยที่อยู่ระดับ 8% และ 7% ตามลำดับ

นายรัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส   หลักทรัพย์บัวหลวง

นอกจากนั้น การจัดระเบียบหุ้นเทคโนโลยีของทางการจีนเริ่มมีสัญญาณที่ดี หลังจากที่เมื่อเดือนมีนาคม “หลิว เหอ” รองนายกรัฐมนตรีจีน ประกาศว่า จะดำเนินการจัดระเบียบให้มีความโปร่งใสมากขึ้น พร้อมสร้างเสถียรภาพหุ้นจีนในระยะกลาง หนุนให้หุ้นจีนปรับตัวขึ้น

 

ขณะที่ Ant Group บริษัทด้านการเงินยักษ์ใหญ่ของจีนก่อตั้งโดย “แจ๊ค หม่า” มหาเศรษฐีชาวจีนที่เป็นจุดเริ่มต้นของการออกมาจัดระเบียบหุ้นเทคโนโลยีได้ยื่นเอกสารถึงทางการจีนเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่า กำลังจะผันตัวเองไปสู่การเป็นบริษัทโฮลดิ้งทางการเงินและเตรียมเสนอขายหุ้น IPO ซึ่งหากทำได้จะเป็น Sentiment ที่ดี หนุนตลาดหุ้นจีนและหุ้นเทคโนโลยีของจีน

 

“ปัจจุบันดัชนี CSI 300 มี Forward P/E ปี 2565 ราว 14 เท่า หากเทียบกับดัชนี S&P 500 ที่เป็นตัวแทนหุ้นขนาดใหญ่ของฝั่งสหรัฐฯพบว่าอยู่ที่ 17 เท่า แต่อัตราการเติบโตกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ในปี 2565 ของ CSI 300 อยู่ที่ราว 17% ส่วน S&P 500 อยู่ที่ราว 18% ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกัน ทำให้หากคิดเป็น PEG ดัชนี CSI 300 จะดูน่าสนใจกว่า"นายรัฐศรัณย์ กล่าว

 

ขณะที่ดัชนี Hang Seng TECH มี Forward P/E ปี 2565 ที่ราว 32 เท่า และมี EPS Growth ราว 45% ซึ่งหากคิดเป็น PEG จะอยู่ที่เพียง 0.7 เท่า ถูกกว่าดัชนี NASDAQ ของสหรัฐฯ เช่นกัน ทั้งนี้ถึงแม้ว่า การลงทุนในหุ้นจีนอาจจะมี ความเสี่ยงด้านนโยบายภาครัฐ แต่มูลค่าของตลาดหุ้นจีนถือว่าปรับลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจแล้ว