ไทยพาณิชย์เวลธ์ ชู 4 กลยุทธ์ลงทุนสู้ดอกเบี้ยขาขึ้น 

22 มิ.ย. 2565 | 13:24 น.
อัปเดตล่าสุด :22 มิ.ย. 2565 | 20:30 น.

SCB WEALTH ตั้งเป้าขยายฐาน "กลุ่มเศรษฐีใหม่" เน้นลงทุนผ่าน Digital Investors กว่า 1.3 ล้านรายในปี 67 สินทรัพย์ภายใต้การบริหารแตะ 2 ล้านล้านบาท 

ดร.ยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า แม้ปัจจุบันตลาดการลงทุนเผชิญความท้าทายและผันผวนสูงจากปัจจัยสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้เกิดปัญหาซัพพลายชะงักงัน (Supply Disruption) อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง ทำให้ธนาคารกลางประเทศหลักดำเนินนโยบายการเงินตึงตัว ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว และเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) 
 

ทั้งนี้ภายใต้วิกฤติ ธนาคารมองว่ามีโอกาส โดยยังคงเดินหน้าธุรกิจบริหารความมั่นคั่ง (Wealth Management) ตามแผนกลยุทธ์ 3 ปี ที่ต้องการเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้บริหารจัดการ (AUM) ไปแตะที่ระดับ 2 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.6ล้านล้านบาทเติบโตในอัตรา 5%
 

ดร.ยรรยง ไทยเจริญ


 

สำหรับกลยุทธ์ 3 ปี จะประกอบด้วย 4 ด้านที่ดำเนินการต่อเนื่อง ได้แก่ 1.คุณภาพของเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ (Relationship Management: RM) ที่มีกว่า 900 คน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวประมาณ 80% จะมีใบอนุญาต (License) ทำให้ธนาคารสามารถเสนอผลิตภัณฑ์ทางด้านการลงทุนได้รอบด้าน และสามารถจัดสรรพอร์ตการลงทุนได้ในภาวะแตกต่างกันได้ดียิ่งขึ้น 
 

2.ผลิตภัณฑ์ ธนาคารมีแพลตฟอร์มที่สามารถเสนอโปรดักต์ได้หลากหลายไม่เฉพาะแต่ของธนาคารเท่านั้น แต่ยังมีความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ แม้ว่าภาวะตลาดจะอยู่ในช่วง Sideway ก็ตาม เช่น ตราสารหนี้ (Structure Product) หรือ Private Asset สินทรัพย์นอกตลาด รวมถึงการลงทุนรูปแบบอื่น อาทิ Property Black Loan ที่มีการนำสินทรัพย์ที่ดินเปล่ามาลงทุน ซึ่งคิดดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ 2.5-4% แต่สร้างผลตอบแทนอยู่ที่ 4.5-5% ซึ่งมีส่วนต่างของผลตอบแทน เป็นต้น 
 

ขณะที่ 3.Digitla Platform โดยมีการเชื่อมโยงการลงทุนตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้าภายใต้บริษัทในเครือของธนาคาร โดยเฉพาะกลุ่มคนรวยรุ่นใหม่ (Young Investors)ซึ่งเป็นนักลงทุนผ่านช่องท่าง  Digital Investment ที่มีอัตราการเติบโตค่อนข้างดี แม้ตลาดมีความผันผวน แต่ได้รับผลกระทบจากการลงทุนน้อยกว่ากลุ่มอื่น ซึ่งเป็นกลุ่มที่ธนาคารจะให้ความสำคัญมากขึ้น โดยตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าYoung Investorsสิ้นปีนี้อยู่ที่ 6.2 แสนราย และภายในปี 2567 จะเพิ่มเป็น 1.3 ล้านราย 
 

และ 4.คุณภาพทีมงานที่ปรึกษาการลงทุน (Advisory) ซึ่งจะเป็นคลังสมองในการแนะนำทางด้านการลงทุน โดยจะมีการผนึกกำลังทั้งจากบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ (SCBS) และบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ (SCBAM) ซึ่งจะตอบโจทย์การลงทุนของลูกค้า

 

ศรชัย สุเนต์ตา


นายศรชัย สุเนต์ตา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสาบงาน Investment  office and product และผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่าย CIO office กล่าวว่า ความผันผวนของตลาดลงทุนยังมีแนวโน้มต่อเนื่องตามปัจจัยลบต่างๆที่เข้ากระทบ รวมทั้งตลาดโลกที่ผันผวนโดยแนะนำการจัดพอร์ตลงทุนเพื่อชนะเงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยขาขึ้นเร็ว ด้วย 5กลยุทธ์ ได้แก่ 
 

1.สร้างกระแสเงินด้วยการทยอยสะสมตราสารหนี้คุณภาพสูงระยะยาว ซึ่งจะเป็นการสร้างกระแสรายได้ให้กับพอร์ตโฟลิโอได้ 
 

2.กระจายความเสี่ยงสู่ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ต้องจับจังหวะการลงทุนก็กำไรได้ เช่น Private equity, Private  credit ,Private  real estate เป็นต้น
 

3.ป้องกันความเสี่ยงด้านต่ำด้วยหุ้นกู้อนุพันธ์แฝงโดยSCB CIO มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกลงทุน เช่น KIKO และEquity-Linked Note 
 

4.มองข้ามความผันผวนระยะสั้นด้วยการลงทุนแบบ Thematic 
 

5.การนำสินทรัพย์ที่มีอยู่มาสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การลงทุนที่ SCB CIO พร้อมนำเสนอเป็นมางเลือกให้กับนักลงทุน โดยการนำสินทรัพย์การลงทุนไม่ว่าจะเป็นหลักทรัพย์หรือหน่วยลงทุนที่มีอยู่แล้ว มาเป็นหลักประกันในการทำLombard loan เพื่อนำไปลงทุนต่อยอดเสริมผลตอบแทนในนะยะข้างหน้า