NEWS ผนึก AQUA ลุยสินเชื่อ P2P ดีเดย์ไตรมาส 4

หลังประสบความสำเร็จในการเพิ่มทุน 540 ล้านบาท พร้อมประกาศลุยธุรกิจ FinTech เต็มรูปแบบ ล่าสุด บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) หรือ NEWS ได้ก้าวไปในโลกนวัตกรรมอีกขั้น ด้วยการผนึกความร่วมมือกับบริษัท อควา คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA  จัดตั้งบริษัท เพียร์ ฟอร์ ออล จำกัดหรือ PFA เพื่อเข้าซื้อหุ้นสามัญจำนวน 117,645 หุ้น คิดเป็น 99.99% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัท เนสท์ติฟลาย จำกัด หรือ Nestifly ในราคารวมทั้งสิ้น 500 ล้านบาท จากบริษัท เฟิร์ส พีทูพี จำกัดและกลุ่มผู้ถือหุ้นของ Nestify เพื่อเข้าลงทุนธุรกิจ Peer-to-Peer Lending (P2P)
 

ในงานแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา นายชัยพิพัฒน์ แก้วไตรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ AQUA เปิดเผยว่า หลังจากขายธุรกิจสื่อนอกบ้านให้กับบริษัท แพลนบีไปเมื่อต้นปี 2565 ฝ่ายบริหารจึงเริ่มมองหาธุรกิจใหม่ ที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลกนั่นคือ ธุรกิจเทคโนโลยีทางด้านการเงินหรือ FinTech ซึ่ง P2P ถือเป็นก้าวแรกของ NEWS ในการเดินหน้าสู่ธุรกิจนี้

ธุรกิจ FinTech เป็นเมกะเทรนด์ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจและเติบโตเป็นอย่างมาก โดยในปี 2564 ทั่วโลกมีการปิดดีล FinTech 5,684 ดีล คิดเป็นมูลค่าถึง 7.2 ล้านล้านบาท เพราะได้รับการยอมรับมากขึ้น อย่างถ้าเราดูจาก FinTech ใน 10 อันดับของโลกพบว่า SoFi ซึ่งเป็นอันดับ 8 เดิม เมื่อก่อนทำ P2P แล้วเพิ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นจนสามารถทรานฟอร์มเป็น NeoBank ซึ่งเราก็หวังว่า ความร่วมมือกับ NEWS ครั้งนี้จะเป็นก้าวแรกและสามารถทรานฟอร์มเป็น NeoBank ในอนาคตได้

ขณะที่เอเชียเองมีการลงทุนใน FinTech 9 แสนล้านบาทในปีที่ผ่านมา ไม่ได้น้อยหน้าทั่วโลกเลย และถ้าดูตลาดสินเชื่อส่วนบุคคลในปี 2556 จะพบว่า FinTech มีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 5% แต่ปัจจุบันได้แซงหน้าธนาคารพาณิชย์ไปแล้ว จากต้นทุนการเงินที่ต่ำลง สามารถเขาถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย นักลงทุนก็ไม่ต้องผ่านกระบวนการมากและทุกขั้นตอนโปร่งใส  และสัญญาเห็นในรูปแบบ Smart Contact

นายกฤษฎา พฤติภัทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NEWS กล่าวว่า การตัดสินใจเลือกลงทุนในรูปแบบ P2P Lending จากการมองเห็นโอกาสใน 3 เรื่องคือ
 

1. แก้ไขจุดอ่อนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีหรือผู้ลงทุนรายย่อยที่มีเงินไม่มากหรือหลักทรัพย์มูลค่าไม่สูง อาจมีหุ้น มูลค่า 1-2 ล้านบาท ให้สามารถนำหุ้นมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ เพื่อแก้ปัญหาการไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ จนต้องหันไปกู้ดอกเบี้ยแพงนอกระบบ
2. ด้วยธุรกิจ P2P ที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้กู้และผู้ให้กู้ อย่างดอกเบี้ยเงินฝากขณะนี้ไม่ถึง 1% ถ้าลงทุนหุ้นกู้เอกชน อาจได้ไม่ถึง 3% แต่ P2P ให้ที่ 3% เป็นอัตราที่นักลงทุน น่าจะพอใจ ผู้กู้ เนื่องจากกู้แบบมีหุ้นเป็นหลักประกันในระบบธนาคารยังไม่รองรับ และการเข้ามากู้ในระบบ จะทำให้ดอกเบี้ยนอกระบบที่สูงถึง 12% อาจเหลือ 5% ได้ ขณะทีี่ P2P ที่เป็นแพลตฟอร์มจะกินดอกเบี้ยส่วนต่าง 
3. มูลค่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์มีโอกาสในการทำตลาดค่อนข้างมาก โดยหุ้นใน SET100 มีมูลค่าถึง 12 ล้านล้านบาท โดยเป็นสัดส่วนหุ้นรายย่อยครึ่งหนึ่งหรือ 6 ล้านล้านบาท และเป็นนักลงทุนรายย่อย 40% หรือราว 2.4 ล้านบาท ซึ่งหากคิดอัตราส่วนมูุลค่าต่อหลักประกัน (LTV)ที่ 30% ศักยภาพตลาดจะสูงถึง 7.2 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก

นายปพนธ์ มังคละธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Nestify กล่าวว่า บริษัทได้เริ่มพัฒนาแอปพลิเคชั่น ShareLoan ตั้งแต่ 3 ปีก่อนจากกระแสของโลกที่มีการปล่อยกู้ทางเลือกมากขึ้น และคิดว่า น่าจะเกิดขึ้นในไทยเช่นกัน และจากประสบการณ์ที่เคยทำงานในธนาคารจะ เห็นว่า ตลาดสินเชื่อในเมืองไทย ยังมีกลุ่มที่เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนมาก โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ซึ่งหลักๆ มาจากหลักประกันไม่เพียงพอ

“จากข้อมูลเราจะเห็นว่า คนลงทุนในหุ้นอายุน้อยลงเรื่อยๆ ในอนาคตอยากทำธุรกิจ ShareLoan น่าจะตอบโจทย์ตรงนี้ได้ เพราะการลงทุนในหุ้นหวังผลระยะยาว แต่ต้องการใช้เงินก็สามารถนำมาเป็นหลักทรัพย์ได้ ซึ่งการที่เคยทำงานธนาคารวิธีคิดไม่ต่างจากธปท. รู้วิธีคิดบริหารความเสี่ยงทั้งฝ่ายให้กู้และผู้กู้ จึงเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวที่ผ่านเกณฑ์ธปท.มาได้” นายปพนธ์กล่าว

นางสาวภาวลิน ลิมธงชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัดกล่าวว่า บริษัทได้รับใบอนุญาตการประกอบธุรกิจจากกระทรวงการคลังเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันอยู่ขั้นตอนทดสอบระบบ คาดว่า น่าจะเปิดตัวได้ในไตรมาส 4 ปีนี้ หลังจากนั้นจะเปิดตัวคู่กับแอปพลิเคชั่นของ Nestify และกู้ผ่าน P2P ได้ในฐานะที่เป็นคัสโตเดียน
 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,792 วันที่ 16 - 18 มิถุนายน พ.ศ. 2565