“อนุชา” สั่งห้ามแอปฯ “เป๋าตัง” ล่ม ขาย “สลากดิจิทัล” วันแรก 2 มิ.ย.นี้

01 มิ.ย. 2565 | 15:49 น.
อัปเดตล่าสุด :01 มิ.ย. 2565 | 22:57 น.

“อนุชา” เผย สนง.สลากฯ พร้อมขาย “สลากดิจิทัล” บนแอปฯ “เป๋าตัง” วันแรก 2 มิ.ย.65 นี้ กว่า 5.2 ล้านใบ ในราคา 80 บาท พร้อมสั่งเฝ้าระบบใกล้ชิดไม่ให้เกิดปัญหาล่ม ชี้เตรียมผลักดันให้มีลอตเตอรี่ขายบนเป๋าตังไม่ต่ำกว่า 30-40 ล้านใบ หวังใช้ชี้นำราคาตลาดไม่ให้ขายเกิน 80 บาท

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล  เปิดเผยว่า ในวันที่ 2 มิ.ย.65 นี้ สนง.สลากฯ พร้อมเปิดขาย “สลากดิจิทัล” วันแรกบนแอปฯ เป๋าตัง จำนวน 5,279,500 ฉบับ จากตัวแทนจำหน่ายสลากดิจิทัล 10,258 ราย  ซึ่งจะขายในราคาใบละ 80 บาท 

โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สลากเฝ้าติดตามแอปฯ “เป๋าตัง” อย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้ระบบมีปัญหาล่ม หรือหากเกิดปัญหาก็จะสามารถเข้าไปดูแลได้ทันที พร้อมกล่าวว่า ในการเปิดขายสลากดิจิทัลงวดแรกกว่า 5.2 ล้านใบ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาสลากราคาแพง แต่อาจจะยังไม่เห็นผลอย่างมีนัยยะให้ราคาสลากในตลาดปรับลดลงมาได้

 

ซึ่งคณะกรรมการฯ มองว่าจะต้องมีสลากฯ ขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มเป็น 30-40 ล้านฉบับ ซึ่งเป็นปริมาณมากพอที่จะชี้นำราคาในตลาดให้ขายไม่เกิน 80 บาทได้

“เชื่อว่าในอนาคตปริมาณสลากดิจิทัล จะต้องมีเพิ่มขึ้น ซึ่งคณะกรรมการฯมองว่า ควรมีสลากดิจิทัล ขายในแพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มเป็น 30-40 ล้านใบ เพื่อให้มีปริมาณเพียงพอที่จะช่วยชี้นำตลาด ให้ราคาโดยรวมลดลงมาเหลือ 80 บาท ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือนในการประเมินผล” นายอนุชา กล่าว

 

นายอนุชา กล่าวอีกว่า สลากที่นำมาขายในแพลตฟอร์มออนไลน์ เป็นสลากฯ ที่มีอยู่แล้ว 100 ล้านใบ ไม่ต้องพิมพ์เพิ่ม และเป็นความสมัครใจของผู้ค้าในระบบซื้อจอง ที่นำมาฝากขายบนแอปฯ เป๋าตัง โดยไม่ได้มีการบังคับ  

 

ซึ่งหลังจากนี้จะผลักดันผู้ค้ารายใหม่กว่า 7 หมื่นรายที่อยู่ระหว่างการคัดเลือก ให้นำสลากมาฝากขายบนแอปเป๋าตังให้มากขึ้น แต่ก็ต้องสร้างความสมดุลกับการขายสลากฯ แบบเป็นใบด้วย

 

ขณะที่ การดำเนินคดีเว็บไซต์เอกชน ที่ขายหวยออนไลน์นั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพยายามรวบรวมหลักฐานอยู่ ซึ่งหากพบว่ามีการขายเกินราคา 80 บาทจริง ก็จะมีการดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย ส่วนจะถึงขั้นที่จะสั่งปิดเว็บไซต์ได้หรือไม่ ก็ต้องดูที่หลักฐานว่าจะสามารถทำได้หรือไม่