ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 618.34 จุด รับแรงซื้อหุ้นแบงก์-สงครามการค้าใกล้ยุติ

24 พ.ค. 2565 | 06:56 น.
อัปเดตล่าสุด :24 พ.ค. 2565 | 14:00 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ (23 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร รวมทั้งข่าวที่ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดนส่งสัญญาณยุติการทำสงครามการค้ากับจีน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 31,880.24 จุด พุ่งขึ้น 618.34 จุด หรือ +1.98%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,973.75 จุด เพิ่มขึ้น 72.39 จุด หรือ +1.86% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,535.27 จุด เพิ่มขึ้น 180.66 จุด หรือ +1.59%

 

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น 3.2% หลังจากเจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่า ธนาคารจะสามารถบรรลุเป้าหมายด้านรายได้ในปีนี้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นปัจจัยหนุนธุรกิจการปล่อยกู้ นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารยังได้รับแรงบวกจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 2.850% เมื่อคืนนี้

 

ทั้งนี้ หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 6.14% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดีดขึ้น 3.2% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 5.94% หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 6.07% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 5.16%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นเนื่องจากแรงช้อนซื้อ โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 4.01% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 3.2% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 2.37% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ดีดตัวขึ้น 1.39%

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ปธน.ไบเดนกำลังพิจารณาเรื่องการปรับลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีน โดยจะหารือเรื่องดังกล่าวกับนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการเดินทางเยือนญี่ปุ่น และกลับสู่สหรัฐ

 

คำสั่งของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 3.50 แสนล้านดอลลาร์จะหมดอายุลงโดยอัตโนมัติในวันที่ 6 ก.ค.นี้ ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่ารัฐบาลของปธน.ไบเดนจะไม่ขยายระยะเวลาการบังคับใช้คำสั่งดังกล่าว ท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในสหรัฐ

นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าการยกเลิกมาตรการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนจะช่วยบรรเทาปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐ โดยการผ่อนปรนหรือการยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าทั้งหมด อาจเป็นหนึ่งในทางเลือกเพียงไม่กี่ทางที่ทำเนียบขาวจำเป็นจะต้องทำเพื่อฉุดต้นทุนสินค้าทุกประเภทให้ลดลง หลังจากที่เงินเฟ้อพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี

 

นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงซูม วิดีโอ คอมมูนิเคชันส์, อินวิเดีย, คอสต์โค, ดอลลาร์ เจนเนอรัล, นอร์ดสตรอม และเมซีส์

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานการประชุมเดือนพ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธ เพื่อหาทิศทางอัตราดอกเบี้ยและการปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) ของเฟด

 

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นและภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ค.จากเอสแอนด์พี โกลบอล, ยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศไตรมาส 1/2565 (ประมาณการครั้งที่ 2), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนเม.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเม.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน