บลจ.กรุงศรีส่ง KFGPE-UI ลงทุนใน Private Equity

04 มี.ค. 2565 | 16:03 น.
อัปเดตล่าสุด :04 มี.ค. 2565 | 23:03 น.

บลจ.กรุงศรี เสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลไพรเวทอิควิตี้ – ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (KFGPE-UI) สร้างโอกาสโตอย่างแตกต่างด้วยการลงทุนใน Private Equity ชั้นนำ กระจายการลงทุนในหลายธุรกิจทั่วโลก เสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันนี้ถึง 14 มี.ค. 65 เงินลงทุนเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาท

นางสุภาพร  ลีนะบรรจง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กรุงศรี จำกัดเปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลไพรเวทอิควิตี้ – ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (KFGPE-UI) สำหรับนักลงทุนรายใหญ่ที่มองหาการลงทุนทางเลือก เพื่อศักยภาพการเติบโตจากการเข้าถึงการลงทุนใน Private Equity ชั้นนำที่มีการกระจายการลงทุนหลากหลายธุรกิจและหลากหลายภูมิภาคทั่วโลก 

 

นางสุภาพร  ลีนะบรรจง กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงศรี จำกัด

 

ทั้งนี้ เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการร่วมลงทุนและเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจเหล่านี้ ที่เป็นบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่มีศักยภาพเติบโตที่ดี ต้องการระดมทุนเพื่อเตรียมขยายกิจการ หรือรองรับสินค้าและบริการที่กำลังเติบโต ซึ่งในอนาคตบริษัทเหล่านี้มีโอกาสจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือขายให้ผู้ถือหุ้นอื่นๆ 

จึงถือเป็นสินทรัพย์ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว นอกจากนี้ Private Equity ยังมีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์อื่นในระดับต่ำ จึงช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนอีกด้วย

 

กองทุน KFGPE-UI ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Schroder GAIA II Global Private Equity Fund ซึ่งบริหารโดย Schroders ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์การลงทุนใน Private Equity มายาวนานกว่า 25 ปี กองทุนหลักจะมีการลงทุน โดยตรงในบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และครอบคลุมไปถึงการลงทุนผ่านกองทุน Private Equity ทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง  โดยเน้นลงทุนใน 5 กลุ่มธุรกิจ คือ Healthcare เทคโนโลยี กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคยุคดิจิตอล การให้บริการภาคธุรกิจ และกลุ่มอุตสาหกรรม

"กองทุนหลักใช้กลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลายและเน้นใช้กลยุทธ์ Small-Mid Buyout เพื่อสร้างโอกาสเติบโตไปกับธุรกิจที่มีกระแสเงินสดมั่นคง มีสินค้าและบริการซึ่งเป็นที่ยอมรับ"

 

กลยุทธ์ Buyout ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในบริษัทที่อยู่ในสหรัฐและยุโรป และใช้ควบคู่ไปกับกลยุทธ์ Venture capital ที่เข้าไปลงทุนในบริษัทที่เพิ่งเริ่มก่อตั้งกิจการเพื่อโอกาสในการสร้างการเติบโต และใช้กลยุทธ์ Growth capital ที่เข้าไปลงทุนในบริษัทที่อยู่ในช่วงเติบโตและมีความต้องการเงินลงทุนเพื่อขยายกิจการ  

 

ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในบริษัทที่อยู่ในเอเชีย โดยเป็นการลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตจากโครงสร้างประชากร รวมถึงธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศ นอกจากนี้กองทุนหลักยังมีการผสมผสานปัจจัยด้าน ESG เข้ามาในกระบวนการลงทุนอีกด้วย

 

อีกหนึ่งจุดเด่นของกองทุน KFGPE-UI คือ การปลดล็อคข้อจำกัดด้านสภาพคล่อง โดยไม่มีกำหนดด้านระยะเวลาถือครอง ซึ่งต่างจาก Private Equity แบบดั้งเดิม และหลังจากช่วง IPO แล้ว จะเปิดให้สามารถซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มได้เป็นรายเดือน และขายคืนได้เป็นรายไตรมาส โดยกองทุนหลักมีเป้าหมายถือครองเงินสดประมาณ 10-20% เพื่อรองรับสภาพคล่องการซื้อขายและสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลง

 

ตัวอย่างธุรกิจที่กองทุนหลักลงทุน เช่น POP MART ซึ่งเป็นบริษัทผลิต Art Toy อันดับ 1 ในจีนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ]init[ เป็นบริษัทชั้นนำในเยอรมันที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital transformation โดยเน้นให้บริการกับภาครัฐเป็นหลัก ซึ่งธุรกิจของบริษัทแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มได้แก่ Digital communication, IT Services และ Hosting   และ Archimed เป็นนักลงทุนด้าน Healthcare ในยุโรปที่เน้นลงทุนในธุรกิจด้านบริการทางการแพทย์ การตรวจวินิจฉัยโรค อุปกรณ์เครื่องมือการแพทย์ และสุขภาพของผู้บริโภค  

 

“กองทุน KFGPE-UI ถือเป็นทางเลือกที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนรายใหญ่พิเศษที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ของ กลต.ได้ร่วมลงทุนใน Private Equity ไปพร้อมกับนักลงทุนสถาบัน เงินลงทุนเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาท” นางสุภาพรกล่าว