TISCO ตั้งเป้าสินเชื่อปี 65 โต 4- 5% เน้นคุม NPL

17 ม.ค. 2565 | 17:03 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ม.ค. 2565 | 00:03 น.

ทิสโก้ มองเศรษฐกิจปี 65 ฟื้นตัวช้าๆที่ 3.3% แต่ระดับหนี้ครัวเรือนยังทรงตัวสูง ยังต้องระวังในการทำธุรกิจภายใต้กลุยทธ์ โตอย่างมีคุณภาพ วางเป้าสินเชื่อปี65 4-5% เน้นคุมเอ็นพีแอล ปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว

นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้เปิดเผยว่า ภาพรวมในปี 2565 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้าๆ ประเมินว่า การขยายตัวจะอยู่ที่ระดับ 3.3% ขณะที่รัฐบาลมีการบริหารจัดการประเทศ โดยไม่มีมาตรการล็อคดาวน์ ทำให้ภาคการส่งออกยังคงเป็นพระเอก ควบคู่กับมาตรการภาครัฐ ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ และยังประคองการใช้จ่ายในประเทศได้ แต่แนวโน้มหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงทำให้กลุ่มทิสโก้ต้องระมัดระวังในการดำเนินธุรกิจ

TISCO ตั้งเป้าสินเชื่อปี 65 โต  4- 5% เน้นคุม NPL

ดังนั้นกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของกลุ่มทิสโก้ในปีนี้ จึงให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ภายใต้รูปแบบการให้บริการที่เน้นตอบโจทย์ลูกค้าในธีม “Hybrid Advisory”ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการให้ “คำแนะนำที่ดี” ควบคู่กับการมี “ผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม”ให้แก่ลูกค้า รวมถึงการนำ “เทคโนโลยี” เข้ามาช่วยยกระดับบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

พร้อมทั้งการแสวงหาโอกาสการเติบโตในกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เช่น กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) กลุ่มรถบรรทุก เป็นต้น รวมถึงเพิ่มช่องทางบริการผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้น 

 

"เป้าสินเชื่อปี65 ภาพรวมน่าจะเห็น 4-5% หลักๆมาจากสินเชื่อเช่าซื้อทั้งรถมือสอง บรรทุก จำนำทะเบียน จักรยานยนต์และธุรกิจรายใหญ่โดยเฉพาะสมหวังตั้งเป้าจะขยายสาขาระดับอำเภอครอบคลุม400สาขาโดยครึ่งปีแรกเน้น บริหารอย่างรอบคอบระมัดระวังและรัดกุม แต่หากสถานการณ์โอมิครอนดีขึ้นสามารถเปิดประเทศได้ จึงจะเหยียบคันเร่งในครึ่งปีหลัง ที่สำคัญยังให้น้ำหนักช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาวอย่างต่อเนื่อง"นายศักดิ์ชัยกล่าว

ขณะเดียวกัน นอกจากจะ ใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาบริการเป็นดิจิทัลมากขึ้น กลุ่มทิสโก้ยัง ยังให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบต่อสังคมและพิจารณาอัตราส่วนหนี้ต่อรายได้(DSR) เพื่อมิให้ กระทบความสามารถในการชำระ หรือเกิดปัญหาเชิงสังคมที่จะตามมาในอนาคตและปีนี้จะเพิ่มการให้ความรู้กับประชาชนทั้งบริหารจัดการหนี้การออมและการลงทุนโดยมีดิจิทัลแพลตฟอร์มเป็นตัวช่วยมากขึ้นด้วย

 

นายเมธา  ปิงสุทธิวงศ์  กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการอำนวยการกลุ่มทิสโก้กล่าวว่า  แนวทางดำเนินธุรกิจขิงกลุ่มปีนี้แบ่งเป็น 2ด้านคือ บริการสินเชื่อ ได้แก่สินเชื่อรายย่อยที่เน้นตลาดหลักเช่าซื้อ จำนำทะเบียน ที่ให้บริการใน 55 สาขาแล้ว  ขณะเดียวกันสินเชื่อธุรกิจก็เริ่มกลับมาขอคำปรึกษา การปรับโครงสร้างและความต้องการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องทั้งกลุ่มพลังงานทางเลือก และอสังหาริมทรัพย์

 

ด้านรายได้ค่าธรรมเนียม มาจากประกัน(ไม่จำกัดค่าย)เอื้อให้กลุ่มทิสโก้ มีความได้เปรียบในการดึงจุดเด่นทุกบริษัทตอบสนองความต้องการของลูกค้าหรือพันธมิตรผู้ผลิตรถยนต์ 3-4 แบรนด์รวมถึงการร่วมกับค่ายรถยนต์จีน "เกรท วอลล์ มอเตอร์สนับสนุนสินเชื่อ Captive ทำให้ลูกค้าซื้อรถและเคลมค่าสินไหมผ่านแพลตฟอร์มเดียวกัน

 

นอกจากนั้นจะขยายฐานลูกค้าที่มีความมั่งคั่งหรือกลุ่มเวลธ์( Mass-affluent) ซึ่งมีเงินออมและสินทรัพย์ตั้งแต่ 5ล้านบาทขึ้นไปโดยยึดหลัก 3ประการโดนใจลูกค้าทั้งผลิตภัณฑ์ ผลงานวิจัยและพัฒนาทีมงานพร้อมจะให้คำแนะนำลูกค้าได้ทุกสาขาทั้งกลุ่มธุรกิจธนบดีและจัดการกองทุน

 

"เราเป็น Open Architectureสามารถคัดเลือกกองทุนที่ดีทั้งในและต่างประเทศ เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมเช่น กองทุนเมกะเทรนด์  ธีมเทคโนโลยี หรือ HealthCare ให้บริการลูกค้าผ่านแพลตฟอร์มMy Wealth โมบายแบงกิ้งของทิสโก้"นายเมธากล่าว

 

นายชาตรี  จันทรงาม รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายควบคุมการเงินและบริหารความเสี่ยง กลุ่มทิสโก้กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ปีนี้ ถ้าสถานการณ์การระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนไม่เลวร้ายในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)อาจจะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย  เนื่องจากกลุ่มไฮยีลด์ที่ทิสโก้มุ่ง จะเติบโตในปี 2565 แต่ด้วยการตั้งสำรองส่วนเกินไว้แล้วกว่า 2,000 ล้านบาท แนวโน้มกันสำรองปีนี้น่าจะปรับลดลง 

 

ขณะที่ทิศทางของ NPL มองว่า ไม่น่าจะเกินสุดสูงสุดที่ 3.9% มูลค่า 5,600 ล้านบาทของปี 2563 ซึ่งปัจจุบัน NPLทะยอยปรับลดหลือ 2.4% มูลค่า 4,950 ล้านบาท สะท้อนการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง การบริหารจัดการหนี้เสียและกันสำรองลดเหลือประมาณ 2,000 ล้านบาทจากกว่า 3,000 ล้านบาท เมื่อปี 2563 ดังนั้นคาดหวังว่า ต้นทุนเครดิตคงไม่เพิ่มขึ้นมากนักเนื่องจากได้กันสำรองไว้แล้ว