“ประวิตร ลั่น จะให้ทรยศน้องกูหรอ” ด้าน “ธรรมนัส เคลียร์ใจกราบขอโทษนายก”

03 ก.ย. 2564 | 21:05 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ก.ย. 2564 | 04:41 น.
8.0 k

ประวิตร ลั่นถาม “จะให้ทรยศน้องกูหรอ” ด้าน "ธรรมนัส เคลียร์ใจกราบขอโทษ ประยุทธ์" พร้อมระบายความในใจโอดขออะไรไม่ได้เหมือนพรรคอื่น ย้ำนายกไม่ต้องห่วงโหวต 4 ก.ย. นี้

เว็บไซต์ข่าวกรุงเทพธุรกิจ เปิดเผยรายงานข่าวว่า ในที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นประธาน เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ชั้นห้อง 6 รัฐสภา ใช้เวลาเพียงแค่ 9 นาทีเท่านั้น โดย พล.อ.ประวิตร ได้ทำหน้าขึงขัง พร้อมกล่าวถึงกระแสข่าวแกนนำพรรค พปชร. บางคนจะโหวตคว่ำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รวมถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย แตกคอกันว่า “ข่าวที่ออกมาไม่เป็นความจริง ขอให้ทุกคนรักกัน สามัคคีกัน ถ้าจะทะเลาะกันก็ให้นิดหน่อยอย่าวุ่นวาย เราต้องรวมกันให้เป็นหนึ่งเดียว” พล.อ.ประวิตร ระบุในที่ประชุมพรรค

 

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ไล่บี้ถาม ส.ส.ว่า มีใครอยากจะถามทำอะไรหรือไม่ เพราะอยากตอบถามมาได้เลย แต่ไมไม่มีส.ส.คนใดถาม ก่อนจะย้ำกับลูกพรรคว่า มีใครจะพูดอะไรหรือไม่ ทุกคนก็ได้แต่เงียบ 

 

ก่อนที่ พล.อ.ประวิตร จะจี้ถามไปที่ ส.ส.ภาคใต้คนหนึ่งว่า จะถามอะไรว่ามาโดย ส.ส.คนดังกล่าวได้ถามว่า การโหวตลงมติในวันพรุ่งนี้ (4ก.ย.) จะต้องโหวตอย่างไร พล.อ.ประวิตร ตอบด้วยเสียงขึงขังว่า ให้เป็นไปตามการประชุมคราวที่แล้ว เมื่อ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา ให้โหวตไปในทิศทางเดียวกันทุกคน นอกจากนี้ ยังยืนยันกับ ส.ส.ว่า “ไม่ต้องการเป็นนายกฯ นายกฯไป ผมก็ไป”

ในช่วงท้ายการประชุม พล.อ.ประวิตร ยังได้พูดถึงการโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ ในวันที่10 ก.ย.นี้ ที่จะการแก้ระบบเลือกตั้งเป็นบัตร 2 ใบว่า "จบแล้ว เราชนะ เราได้เปรียบ”

 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังการประชุม ส.ส.พปชร.เสร็จสิ้น พล.อ.ประวิตร เดินทางออกจากรัฐสภา ไปยังมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ในเวลาไล่เลี่ยกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเมื่อพล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาถึงมูลนิธิฯ พล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ในฐานะเลขาธิการพรรคพปชร. พร้อมด้วยส.ส.พปชร. ประมาณ 60 คน รออยู่ มีการเก็บโทรศัพท์มือถือของส.ส.ทุกคนที่มา

 

โดย ร.อ.ธรรมนัส ได้ยกมือไหว้ขอโทษ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมระบุว่า “ถ้าทำอะไรให้ท่านไม่สบายใจผมขอโทษ” ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้ยกมือรับไหว้ตามมารยาท และ ร.อ.ธรรมนัส ยังได้ชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ข่าวที่ออกมาเป็นข่าวลือทั้งหมด นักข่าวไปเขียนกันเอง ผมไม่รู้เรื่องเป็นเฟคนิวส์ ก่อนจะระบายความในใจด้วยว่า ที่เชิญท่านมา อยากขอความมั่นใจว่านายกฯ จะดูและจะทำงานร่วมกับพวกเรา ส.ส.และ พรรค พปชร.อย่างไร ผมมาขอความมั่นใจ

 

พล.อ.ประยุทธ์ เลยตอบไปว่า มีอะไรที่เราต้องดูแลบ้าง ร.อ.ธรรมนัส  ตอบว่า มีหลายเรื่อง ส.ส.ไม่สบายใจ ในฐานะเราเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล พรรคอื่นขออะไรก็ได้ แต่พวกเราไม่ได้อะไรเลย พล.อ.ประยุทธ์ เลยตอบกลับว่า ถ้าโครงการต่างๆ มันถูกกฎหมายก็เขียนมาสิ

 

นอกจากนั้น ร.อ.ธรรมนัส ยังได้พูดกับ พล.อ.ประยุทธ์ อีกว่า ท่านไม่เคยมาดูแล ไม่ได้เจอ ส.ส.ในพรรคเลย ส.ส.หลายคนก็ไม่เคยได้รู้จักกับท่านเลย พล.อ.ประยุทธ์ เลยตอบกลับไปว่า “ถ้าเป็นปัญหาแบบนี้ เราก็จะไปปรับตัวดู” ร.อ.ธรรมนัส จึงได้กล่าวว่า “อะไรที่ผิดพลาดไปผมก็ต้องขออภัย แต่สิ่งที่ผมพูดไป พูดไปในฐานะเลขาธิการพรรค ที่ต้องดูแลพรรค ดูแล ส.ส.”

ที่สำคัญ ร.อ.ธรรมนัส ได้กล่าวกับ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยว่า ในการลงมติวันที่ 4 ก.ย. นี้ ท่านไม่ต้องห่วงหรอกครับ แต่รัฐมนตรีบางคนอาจจะได้ไม่เท่าท่าน โดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. และประธานวิปรัฐบาล ได้กล่าวเสริมว่า ของท่านอันดับหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จึงตอบไปว่า ให้มันเท่าๆ กันดีกว่า โดยในช่วงหนึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ ได้พูดกับ ส.ส.ว่า อะไรที่ทำได้ก็จะทำ อะไรที่ผ่านมาก็อย่าไปคิด

 

ซึ่งการพบปะกันครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร และพล.อ.ประยุทธ์ ได้โชว์ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของพี่น้อง 3 ป. โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปกอด พล.อ.ประวิตร พร้อมพูดคุยกันอย่างอารมณ์ดีว่า “ถ้า 3 คน อยู่ก็ต้องอยู่ด้วยกัน ถ้าไปก็ต้องไปด้วยกัน ยังมีเรื่องราวของ 3 คนที่คนอื่นไม่รู้อีกเยอะ” พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำด้วยว่า “ถ้าอยู่เราต้องอยู่กัน 3 คน” ก่อนหันไปกระเซ้า พล.อ.ประวิตรว่า“ท่านอยากเป็นนายกฯหรือ” พล.อ.ประวิตร กล่าวสวนทีนทีอย่างอย่างอารมณ์ดีว่า “จะบ้าหรือกูไม่เป็นหรอก มึงเป็นนั่นแหละ”

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงก่อนถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่นาน พล.อ.ประวิตร เคยพูดกับ ร.อ.ธรรมนัส ที่เข้ารายงานสถานการณ์ต่างๆ ในพรรค ประโยคหนึ่งให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องว่า “มึงจะให้กูทรยศน้องกูหรอ”

 

ทั้งนี้ แหล่งข่าวจาก พปชร. กล่าวว่า แม้จะเคลียร์ปัญหาภายในกันได้ก่อนลงวันมติในวันที่ 4 ก.ย. แต่ประเมินว่า น่าจะมี ร.อ.ธรรมนัสเอฟเฟกต์เกิดขึ้น เพราะถือว่า ครั้งนี้ค่อนข้างเคลื่อนไหวแรงมาก และมีเดิมพันสูง ยังคงมีความไม่พอใจนายกฯของ ส.ส.บางคนอยู่ จึงต้องจับตาผลการลงมติที่จะเป็นตัวสะท้อนความรู้สึกของบางคนในพรรค โดยคะแนนนายกฯ ควรจะต้องอยู่ระหว่าง 263 – 270 คะแนน หากต่ำกว่านี้ จะเป็นเรื่องใหญ่