ทีทีบี แจงกำไรสุทธิไตรมาสสองและครึ่งปีลด 18.1%และ 26.8%เหตุโควิดกดดัน

20 ก.ค. 2564 | 15:29 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ก.ค. 2564 | 17:12 น.

ทีเอ็มบีธนชาตและบริษัทย่อย แจ้งไตรมาส 2/2564 และครึ่งปีกำไรสุทธิลด 18.1% และ 26.8% เหตุโควิด-19 ระบาดเป็นวงกว้างสร้างแรงกดดันต่อรายได้มากขึ้น สัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวมขยับเล็กน้อย

ทีเอ็มบีธนชาต (ttb)และบริษัทย่อยเผยไตรมาส 2/2564กำไรสุทธิ 2,534ล้านบาทลดลง 18.1% และครึ่งปี 5,316ล้านบาทชะลอลง 26.8% เหตุโควิด-19 ระบาดเป็นวงกว้างสร้างแรงกดดันต่อรายได้มากขึ้น

ทีทีบี  แจงกำไรสุทธิไตรมาสสองและครึ่งปีลด 18.1%และ 26.8%เหตุโควิดกดดัน

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต(ttb) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจในไตรมาส 2 มีความท้าทายมากขึ้นจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกเดือนเมษายน ซึ่งรุนแรงมากกว่าการระบาดที่เคยเกิดขึ้นในไตรมาส 1 โดยทีทีบีมีกำไรสุทธิ 2,534 ล้านบาท ลดลง 18.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ด้วยผลการดำเนินงานด้านสินเชื่ออยู่ที่ 1,359 พันล้านบาท ชะลอลง 2.5% จากสิ้นปีที่แล้ว เป็นไปตามแผนของธนาคารในการปล่อยสินเชื่อใหม่อย่างระมัดระวัง รวมถึงการชำระคืนหนี้ของลูกค้าบรรษัทธุรกิจ  ด้านเงินฝากอยู่ที่ 1,324 พันล้านบาท ชะลอลง 3.6% จากสิ้นปีที่แล้ว เป็นผลจากการปรับโครงสร้างเงินฝากภายหลังการรวมกิจการ โดยการปรับลดสัดส่วนเงินฝากประจำและแทนที่ด้วยเงินฝากที่เป็นผลิตภัณฑ์หลัก ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 7,402 ล้านบาท ลดลง 6.6% จากไตรมาสก่อน และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้อยู่ที่ 46.4%อย่างไรก็ตาม คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารมียอดหนี้เสียอยู่ที่ 43,543 ล้านบาท ใกล้เคียงกับ 43,400 ล้านบาท ในไตรมาสก่อน แต่เนื่องจากสินเชื่อชะลอลง สัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวมจึงขยับจาก 2.75% มาอยู่ที่ 2.89% ซึ่งยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมาย  ปัจจุบันยอดสินเชื่อที่อยู่ภายใต้โปรแกรมความช่วยเหลือมีสัดส่วนประมาณ 14% ของสินเชื่อรวม จากที่ธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าไปมากกว่า 7.5 แสนราย

สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลัง มองว่าสถานการณ์โควิด-19 จะยังมีผลกระทบกับเศรษฐกิจต่อไป ดังนั้น ภาพรวมเชิงกลยุทธ์จึงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือการดำเนินการตามแผนการรับรู้ผลประโยชน์จากการรวมกิจการด้านรายได้ (Revenue synergy) ภายหลังการรวมธนาคาร ผ่านการพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ตรงจุดและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

 

สำหรับความเพียงพอของเงินกองทุนยังก็อยู่ในระดับสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรมธนาคารไทย โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 อัตราส่วน CAR และ Tier I (เบื้องต้น) ทรงอยู่ที่ 19.6% และ 15.5% สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ 11.0% และ 8.5% ตามลำดับ 

 

 

 

ทีทีบี  แจงกำไรสุทธิไตรมาสสองและครึ่งปีลด 18.1%และ 26.8%เหตุโควิดกดดัน