สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลดลงในวันพุธ (29 ม.ค.) หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยราคาทองคำในตลาดสปอตปรับตัวลง 0.4% มาอยู่ที่ระดับ 2,753.86 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่สัญญาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 0.1% แตะระดับ 2,779.80 ดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญที่กดดัน ราคาทองคำ มาจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้น 0.3% ส่งผลให้ทองคำมีต้นทุนสูงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ปรับตัวสูงขึ้น ยังส่งผลให้ความน่าสนใจในการลงทุนทองคำซึ่งไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยลดน้อยลง
ไท หว่อง ผู้ค้าโลหะมีค่าอิสระ กล่าวว่า ตลาดสินทรัพย์มีความผันผวนเล็กน้อยหลังจากแถลงการณ์ของเฟดมีท่าทีแข็งกร้าวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง
การประชุมครั้งล่าสุด เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม โดยไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนถึงการปรับลดดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่เหนือเป้าหมาย เศรษฐกิจยังเติบโตต่อเนื่อง และตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง สะท้อนจากอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำ
ปีเตอร์ แกรนท์ รองประธานและนักกลยุทธ์อาวุโสด้านโลหะของ Zaner Metals ให้ความเห็นว่า การตัดสินใจของเฟดครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นอิสระของธนาคารกลาง แม้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะเรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็ตาม
อย่างไรก็ดี แกรนท์คาดว่าแนวทางนโยบายการเงินโดยรวมยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก และการชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจดำเนินไปจนถึงกลางปี
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบจากนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ และธนาคารกลางต้องใช้เวลาในการพิจารณาว่านโยบายของรัฐบาลชุดใหม่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร
ทั้งนี้ ราคาทองคำเพิ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากทรัมป์เรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย