ไฟฟ้าสีเขียวในประเทศไทยเริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2568 โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมภาคเอกชน ที่ต้องการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าเข้ามายื่นขอใช้บริการไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568
สำหรับการให้บริการไฟฟ้าสีเขียวเกิดขึ้นจากการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ได้ดำเนินการร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เปิดให้บริการอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวแบบผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เจาะจงแหล่งที่มา (Utility Green Tariff แบบที่ 1: UGT1) โดยเป็นการเปิดให้บริการไฟฟ้าสีเขียวครั้งแรกในไทย
เพื่อเพิ่มทางเลือกในการรับบริการไฟฟ้าสะอาด รองรับปริมาณความต้องการไฟฟ้าสีเขียวของผู้ประกอบการภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมภาคเอกชน และการสนับสนุนนโยบายรัฐบาล รวมถึงเป็นหนึ่งในมาตรการจูงใจที่สำคัญรองรับการขยายฐานการลงทุนจากธุรกิจข้ามชาติมายังประเทศไทย
ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงาน กกพ. ในฐานะโฆษก กกพ. ระบุว่า ขณะนี้ กฟผ. และการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย (กฟน., กฟภ.) จัดเตรียม UGT1 ไว้รองรับความต้องการเป็นปริมาณรวมประมาณ 2,000 ล้านหน่วยต่อปี หรือประมาณ 1,135 เมกะวัตต์
รวมถึงเตรียมการในการออกเอกสารรับรองไฟฟ้าสะอาดและแหล่งที่มาภายใต้มาตรฐาน I-REC ซึ่งเป็นใบรับรองที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางที่สุดมาตรฐานหนึ่งในระดับสากล
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ประกอบการธุรกิจภาคเอกชน ที่มีความจำเป็น หรือมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียวสำหรับการดำเนินธุรกิจ โดยได้กำหนดอัตรา UGT1 เป็นส่วนเพิ่มจากค่าไฟฟ้าตามปกติหน่วยละประมาณ 6 สตางค์ต่อหน่วย หรือประมาณ 4.21 บาทต่อหน่วย โดยค่าส่วนเพิ่มดังกล่าวจะเรียกเก็บเฉพาะผู้ที่ใช้ไฟฟ้า UGT1 เท่านั้น จึงไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไป
จากการเปิดให้บริการที่ผ่านมาได้มีผู้ติดต่อลงทะเบียนเพื่อสมัครใช้บริการแล้วประมาณ 600 ล้านหน่วย หรือ 340 เมกะวัตต์ ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจการค้าระหว่างประเทศที่นำไปใช้ในการจัดทำรายงานการปล่อยก๊าซฯ ตามนโยบายของบริษัทแม่หรือบริษัทคู่ค้า บริษัทจดทะเบียนชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องการการรับรองไฟฟ้าสีเขียวเพื่อขอรับสิทธิประโยชน์จากมาตรการสนับสนุนพลังงานสะอาดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เช่น ธุรกิจการเงินการธนาคาร อุตสาหกรรมการผลิต ห้างสรรพสินค้า อิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี เป็นต้น
จากการตรวจสอบ “ฐานเศรษฐกิจ” เกี่ยวกับแหล่งที่มาของไฟฟ้าสีเขียว 9,000 ล้านหน่วย พบว่ามาจาก