“เซ็นทรัลแล็บไทย” พร้อมตรวจ BY2 500 ตู้/วัน หนุนส่งออกทุเรียน

23 ม.ค. 2568 | 04:30 น.

ปัญหาการส่งออกทุเรียนผลสดของไทยไปประเทศจีนที่เป็นตลาดใหญ่สุด (ปี 2566 ไทยส่งออกทุเรียนสดไปจีน 137,493 ล้านบาท และ 11 เดือนแรกปี 2567 ส่งออก 129,360 ล้านบาท)

ที่เวลานี้ทางสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) ได้ห้ามนำเข้าทุเรียนที่ไม่มีใบรับรองผลตรวจวิเคราะห์สาร Basic Yellow 2 (BY2)ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง

อัปเดตล่าสุด เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 ทางกรมวิชาการเกษตร ได้รายงานความคืบหน้าห้องปฏิบัติการ (แล็บ)ไทยที่ได้รับการยอมรับความสามารถในการทดสอบ BY2 ในทุเรียนผลสดส่งออกไปจีนแล้ว 6 แห่ง ซึ่ง 5 แห่งในจำนวนนี้ เป็นของ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “เซ็นทรัลแล็บไทย”

 

“เซ็นทรัลแล็บไทย” พร้อมตรวจ BY2 500 ตู้/วัน หนุนส่งออกทุเรียน

“ฐานเศรษฐกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “นายชาคริต เทียบเธียรรัตน์” กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด  ถึงแนวทางและศักยภาพในการตรวจรับรองสารตกค้างทั้งแคดเมียมและ BY2 ในทุเรียนผลสดของไทยก่อนส่งออกไปจีน ณ เวลานี้มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน เพราะจากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดการณ์ผลผลิตทุเรียน ปี 2568 จะมีปริมาณ 1.66 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 28.75% เทียบกับปีก่อน

จีนไฟเขียว 5 ห้องแล็บ

นายชาคริต กล่าวว่า ล่าสุดทาง GACC ได้แจ้งรายชื่อห้องปฏิบัติการไทยที่ได้รับการยอมรับความสามารถในการทดสอบสาร BY2 ในทุเรียนผลสดส่งออกจากไทยไปจีนแล้ว ซึ่งในส่วนของเซ็นทรัลแล็บไทย มี 5 แห่งที่ได้ผ่านการรับรองแล้ว ได้แก่ สาขาเชียงใหม่, สาขาสงขลา, สาขากรุงเทพฯ, สาขาฉะเชิงเทราและสาขาสมุทรสาคร โดยกรมวิชาการเกษตรจะเป็นผู้สุ่มตัวอย่างทุเรียนจากโรงคัดบรรจุ (ล้ง)ส่งห้องแล็บเพื่อตรวจว่ามีสารตกค้างดังกล่าวหรือไม่ (ล้งเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการตรวจ)

 

“เซ็นทรัลแล็บไทย” พร้อมตรวจ BY2 500 ตู้/วัน หนุนส่งออกทุเรียน

 

“การสุ่มตัวอย่างไม่ใช่เรื่องง่าย ช่วงแรกจะเป็นการสุ่มโดยสารวัตรเกษตร และผู้ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตรเท่านั้น ถึงจะเป็นผู้มีสิทธิในการสุ่มตัวอย่าง ซึ่งในช่วงที่จะมีผลผลิตออกมามาก (ไฮซีซั่น) เชื่อว่าจะมีการขยายกลุ่มผู้สุ่มตัวอย่างจะต้องผ่านการอบรมและขึ้นทะเบียนจากกรมวิชาการเกษตร ซึ่งเซ็นทรัลแล็บเองก็ทำหน้าที่ ที่จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้สุ่มให้เพียงพอกับความต้องการของประเทศได้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่สุ่มมืออาชีพเพื่อรองรับงานให้มีความคล่องตัว และรวดเร็วยิ่งขึ้น”

ทั้งนี้ในอดีตทุเรียนมีการตรวจสารแคดเมียมอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันต้องมาตรวจสารใหม่ “BY2” ซึ่งประเทศไทยไม่เคยมีปัญหามากว่า 40 ปีในเรื่องนี้เลย ดังนั้นจะต้องใช้เวลาในการเซ็ตห้องแล็บและอุปกรณ์ Liquid Chromatography-Mass Spectrometer (C-MS/MS ) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใหญ่ที่สุดในการตรวจอาหาร มูลค่าเครื่องหนึ่งประมาณ 20 ล้านบาท และจะต้องติดตั้งในห้องแล็บถาวร เป็นเครื่องมือชั้นสูงมาก

 

จีนเข้มตรวจทั้งเปลือกและเนื้อ

นายชาคริต กล่าวว่า ในการตรวจรับรองครั้งนี้ทางการจีนให้ตรวจทั้งเปลือก และเนื้อทุเรียน ที่จะต้องไม่ปนเปื้อน BY2 เลย ซึ่งเป็นเทคนิคที่มีความยาก และเป็นเครื่องมือที่จะต้องตรวจ BY2 ได้อย่างเดียว ดังนั้นถ้าติดตั้งเพื่อตรวจ BY2 แล้วจะต้องทำอย่างถาวร นี่คือความยุ่งยาก ส่วนสารตกค้างแคดเมียม ตรวจแค่เนื้อทุเรียนเพียงอย่างเดียว

“ผมเชื่อว่าผู้ประกอบการไทยเป็นวิญญูชน ไม่มีใครใช้สารจำพวกนี้ เพราะขนาดเครื่องมือวิทยาศาสตร์ยังต้องใช้เวลาล้างเป็นวัน มนุษย์กินเข้าไปอันตรายมาก ถามว่าทำไมจีนต้องให้ตรวจเปลือกทุเรียนด้วย เพราะคนจีนไม่ได้รับประทานแค่เนื้อทุเรียน แต่เปลือกทุเรียนสามารถนำไปต้ม แล้วนำนํ้านั้นไปทำอย่างอื่นต่อเนื่องได้อีก ดังนั้นหากพบสารปนเปื้อนในเปลือกแล้วต้ม เปรียบเสมือนการรับประทานยาพิษบริสุทธิ์เข้าไปเลย นี่คือปัญหาที่ใหญ่มากขึ้น ทำให้จีนไม่ให้นำเข้าทุเรียนจากไทยจนกว่าจะมีใบรายงานผลทดสอบ (Test Report) นำไปยื่นขอออกใบรับรองสุขอนามัยพืช (PC) เพื่อใช้ในการส่งออกไปจีนจากห้องแล็บ ที่ได้รับมาตรฐานยืนยันว่าไม่มีสาร BY2 อยู่ในทุเรียน”

สำหรับเซ็นทรัลแล็บไทย จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2546 ถือหุ้นโดยกระทรวงการคลังร้อยละ 49 และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 51 ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการของรัฐเปิดดำเนินงานมานานกว่า 20 ปี มีเครื่องมือและระบบมาตรฐานสากล ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025 มากกว่า 1,000 รายการทดสอบ และรองรับงานทดสอบได้มากกว่า 400,000 ตัวอย่างต่อปี

 

พร้อมขยายตรวจรับไฮซีซั่น

“เมื่อมาทำภารกิจตรวจสาร BY2 เราสามารถตรวจได้วันละ 500 ตัวอย่าง เป็นการสุ่มแบบ 100% ก็คือสุ่มทุกตู้ สมมติตู้ละ 1-2 ตัวอย่าง มีศักยภาพที่ตรวจได้วันละ 500 ตู้คอนเทนเนอร์ นอกจากนี้มีแล็บเอกชนอื่นที่ได้แจ้งมาแล้วว่าทำได้วันละ 200 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยวันนี้ศักยภาพประเทศไทยสามารถตรวจ BY2 ได้วันละ 700 ตู้ แต่ถ้าหากในในช่วงไฮซีซั่น มีความต้องการตรวจวันละ 800-1,200 ตู้ เซ็นทรัลแล็บก็สามารถติดตั้งระบบเพิ่มการตรวจได้อีก 40% หรือวันละ 1,000 ตู้ ยังไม่รวมแล็บเอกชนรายอื่น ๆ ก็คาดว่าจะให้บริการได้อย่างครอบคลุมและเพียงพอในการรับมือ

ส่วน “แคดเมียม” เป็นหนึ่งในสารตกค้างที่ตรวจประจำอยู่แล้ว แต่มาเข้มข้นในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ในทุเรียนแช่แข็ง ซึ่งเซ็นทรัลแล็บก็เป็นหน่วยงานแรก ๆ เช่นเดียวกัน ที่จีนได้รับรองให้ทำพันธกิจขยายขอบข่าย โดยราคาค่าบริการตรวจปลีกแคดเมียมอยู่ที่ 7,200 บาทต่อครั้ง แต่วันนี้เพื่อผลประโยชน์ของผู้ประกอบการและเกษตรกร ได้มีการหารือกับกรมวิชาการเกษตร และได้ลดค่าบริการเป็นราคาโปรโมชั่นเพียง 4,900 บาทต่อตัวอย่าง (ไม่รวม VAT) ทั้งตรวจแคดเมียมและ BY2 ราคานี้เมื่อคำนวณรายได้ทุเรียนต่อตู้เฉลี่ย 2.5-3 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้คิดเป็นเพียง 0.3% หากเซ็นทรัลแล็บทำให้ราคาปรับลดลงได้อีก จะทำให้ผู้ประกอบการได้รับประโยชน์ทั้งผู้ส่งออกและเกษตรกรไทย ซึ่งอัตราค่าบริการข้างต้นเป็นราคาที่เซ็นทรัลแล็บพออยู่ได้

 

หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 44 ฉบับที่ 4,064 วันที่ 23 - 25 มกราคม พ.ศ. 2568