น้ำมัน WTI ร่วง 1.5% ปิดที่ 84.45 ดอลล์ วิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ยกระทบดีมานด์

21 ก.ย. 2565 | 06:48 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ก.ย. 2565 | 13:48 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (20 ก.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความกังวลที่ว่าการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.28 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 84.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
         

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.38 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 90.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
         

จิโอวานนี สตาโนโว นักวิเคราะห์จากยูบีเอสกล่าวว่า ตลาดน้ำมันได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลว่า การใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของเฟด และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเผชิญภาวะถดถอย และจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 82% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% และให้น้ำหนัก 18% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย
         

ขณะเดียวกันการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.44% แตะที่ 110.2150 เมื่อคืนนี้

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของกระทรวงคมนาคมสหรัฐซึ่งระบุว่า ปริมาณการเดินทางด้วยรถยนต์ของสหรัฐในเดือนก.ค. ลดลง 3.3% สู่ระดับ 2.866 แสนล้านไมล์ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเดือนที่ 2 เนื่องจากราคาเชื้อเพลิงพุ่งสูงขึ้น
         

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว