สต็อกน้ำมันสหรัฐพุ่ง ทุบราคาน้ำมัน WTI ร่วงหนัก 4%ปิดที่ 90.66 ดอลล์ 

04 ส.ค. 2565 | 06:52 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ส.ค. 2565 | 13:52 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดร่วง 4% ในวันพุธ (3 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว บดบังปัจจัยบวกจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ที่มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตเล็กน้อย

          

          
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 3.76 ดอลลาร์ หรือ 4% ปิดที่ 90.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ดิ่งลง 3.76 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 96.78 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.
          

 

ในช่วงแรกนั้น สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นขานรับผลการประชุมกลุ่มโอเปกพลัส โดยที่ประชุมมีมติเพิ่มกำลังการผลิตเพียง 100,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ย. ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับการเพิ่มกำลังการผลิต 648,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ค.และส.ค. ขณะที่เดือนมิ.ย.มีการเพิ่มกำลังการผลิต 432,000 บาร์เรล/วัน

 

แต่จากนั้นไม่นาน สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนัก หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 4.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 700,000 บาร์เรล

EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 926,000 บาร์เรล สู่ระดับ 24.5 ล้านบาร์เรล
          

ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 163,000 บาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซลลดลง 2.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล