“บิ๊กตู่” ยกคณะลงพื้นที่กาญจนบุรี พรุ่งนี้ ติดตามงาน-ชมวิวแม่น้ำแคว

03 ส.ค. 2565 | 09:57 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ส.ค. 2565 | 17:07 น.

โฆษกรัฐบาลเผย นายกรัฐมนตรีเตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดกาญจนบุรี 4 สิงหาคมนี้ ติตตามข้อสั่งการแก้ปัญหาน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค-เกษตร และการปรับภูมิทัศน์สองฝั่งแม่น้ำแคว แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของชาวกาญจน์ พร้อมรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะมีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดกาญจนบุรี ในวันที่ 4 สิงหาคม 2565 เพื่อติตตามการดำเนินงานตามข้อสั่งการ และรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ โดยมีกำหนดการ ดังนี้

 

ช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะติดตามการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และการเกษตร ตำบลห้วยกระเจา อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำและมีภัยแล้งเป็นประจำทุกปี เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบเชิงเขา และเป็นพื้นที่เขตเงาฝน ไม่มีแม่น้ำไหลผ่าน 

รวมทั้งขาดแคลนระบบชลประทาน ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปณิธาน สืบสาน รักษา ต่อยอด ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับ “โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง”15 โครงการ ครอบคลุม 11 จังหวัด ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎรจากภาวะวิกฤตภัยแล้ง 

จากนั้น ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางไปติดตามการจัดระเบียบและปรับปรุงภูมิทัศน์สองฝั่งแม่น้ำแควน้อยแควใหญ่ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใต้โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาเมืองเก่ากาญจนบุรีและสองฝั่งแม่น้ำแควน้อยแควใหญ่ จังหวัดกาญจนบุรี ที่ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาแพรุกล้ำบริเวณแม่น้ำแควใหญ่และแม่น้ำแควน้อย 

 

ทั้งการดำเนินการด้านกฎหมาย การลดมลภาวะทางเสียง การก่อสร้างท่าเทียบเรือเพื่อรองรับแพ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวเรือชาวแพที่ได้รับความเดือดร้อน 


รวมทั้งปรับปรุงภูมิทัศน์ท่าเทียบเรือโดยจัดสร้างจุดชมวิว Sky Walk บริเวณริมฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ และพื้นที่สาธารณะของชาวเมืองกาญจนบุรี และจัดระเบียบและปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ จัดทำเป็น Walking Street เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยว และการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของชาวกาญจนบุรี ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19