ไทยจัดแฟร์ทารก-เด็กวัยหัดเดิน ใหญ่สุดในเอเชียแปซิฟิก เล็งสะพัดพันล้าน

20 ก.ค. 2565 | 18:57 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ก.ค. 2565 | 02:15 น.

หอการค้าไทย จับมือโคโลญเมสเซ่ เตรียมจัดงานแสดงสินค้าทารกและเด็กวัยหัดเดินระดับพรีเมียม ใหญ่สุดในเอเชียแปซิฟิก เล็งผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำ 3 พันราย เงินสะพัดไม่ต่ำพันล้าน พร้อมช่วยกระตุ้นตลาดในไทยกว่า 4 หมื่นล้านให้ขยายตัว หนุนท่องเที่ยวปี 66 คึกคึก

 

รายงานข่าวจากหอการค้าไทย เผยว่า Kind + Jugend (คิน-อัน-ยู-เก้น) งานแสดงสินค้าชั้นนำระดับนานาชาติสำหรับทารกและเด็กวัยหัดเดินระดับพรีเมียมที่ใหญ่ที่สุด เตรียมเปิดตัวครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ระหว่างวันที่ 5-8 เมษายน 2566 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยการสนับสนุนและความร่วมมือจากสมาคมการค้าของเล่นและผลิตภัณฑ์เด็กไทย และหอการค้าไทย ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจและการค้า คาดจะดึงดูดผู้เข้าร่วมงานกว่า 3,000 รายทั่วภูมิภาค

 

ไทยจัดแฟร์ทารก-เด็กวัยหัดเดิน ใหญ่สุดในเอเชียแปซิฟิก เล็งสะพัดพันล้าน

 

นายภูษิต ศศิธรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค จำกัด ตัวแทน โคโลญเมสเซ่ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดผลิตภัณฑ์แม่และเด็กเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากพฤติกรรมของพ่อแม่ยุคใหม่ ที่วางแผนการใช้จ่ายตั้งแต่ก่อนมีบุตรและให้ความสำคัญกับคุณภาพ สวัสดิการ ผลลัพธ์ของผลิตภัณฑ์ มากกว่าเรื่องราคา ประกอบกับมีกำลังซื้อจากกลุ่มลูกค้าอื่น อาทิ โรงเรียน ศูนย์ดูแลเด็ก โรงพยาบาล คลินิก เป็นต้น ทำให้ตลาดผลิตภัณฑ์แม่และเด็กในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง 40,300 ล้านบาท (ข้อมูลจากธนาคารกรุงเทพ, 2564) เปิดกว้างให้ผู้ประกอบการเข้ามาลงทุนในตลาดประเทศไทย

 

ไทยจัดแฟร์ทารก-เด็กวัยหัดเดิน ใหญ่สุดในเอเชียแปซิฟิก เล็งสะพัดพันล้าน

 

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ไทยถือเป็นประเทศที่ได้รับความเชื่อมั่นด้านการผลิตสินค้าและบริการ รวมถึงมาตรฐานต่าง ๆ ที่สร้างชื่อเสียงระดับโลก ความร่วมมือของหอการค้าไทยและโคโลญเมสเซ่ในการจัดงานครั้งนี้ จะตอกย้ำว่าไทยมีศักยภาพในการเป็นฐานการผลิตกลุ่มสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับแม่และเด็กในภูมิภาคนี้ อีกทั้งในปี 2566 ไทยตั้งเป้ารับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่ต่ำกว่า 80% เมื่อเทียบกับปี 2562  การจัดงาน Kind +Jugend ASEAN 2023 จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะช่วยให้เกิดบรรยากาศการท่องเที่ยวและการใช้สอยในประเทศให้คึกคักยิ่งขึ้น

 

ไทยจัดแฟร์ทารก-เด็กวัยหัดเดิน ใหญ่สุดในเอเชียแปซิฟิก เล็งสะพัดพันล้าน

 

ด้าน นางอุไรวรรณ บุนนาค นายกสมาคมการค้าของเล่นและผลิตภัณฑ์เด็กไทย กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สมาคมจึงมุ่งเน้นผลักดันและสนับสนุน เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัว ด้วยการเริ่มหาช่องทางการตลาดและสร้างโอกาสให้กับสมาชิกฯ สำหรับปี 2566 อาทิ การเข้าร่วมงานทั้งในและต่างประเทศ เป็นต้น

 

และเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออกให้มีแนวคิดการออกแบบของเล่นนำเทรนด์ ด้วยการจัดการอบรมการออกแบบของเล่นเพื่อพัฒนาให้เกิดนักออกแบบรุ่นใหม่อยู่เสมอซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นำไปสู่การรักษามาตรฐานคุณภาพสินค้าและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ของเล่นที่ยอมรับกันทั่วโลก ตลอดจนการส่งมอบสินค้าตามกำหนดเวลา เพื่อรักษาฐานลูกค้าและครองตลาดต่อไป

 

ไทยจัดแฟร์ทารก-เด็กวัยหัดเดิน ใหญ่สุดในเอเชียแปซิฟิก เล็งสะพัดพันล้าน

 

นายแมทธิว เวซโซซี กรรมการบริหาร สมาคมเอเชีย ทอย แอนด์ เพลย์ กล่าวว่า สมาคมเล็งเห็นถึงโอกาสสำหรับอนาคตของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ของเล่นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอาเซียน ปัจจุบันมีความท้าทายมากมายที่ต้องร่วมกันเผชิญ จำเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทของเล่นทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กทั้งในและต่างประเทศ จะต้องวางเป้าหมายสู่การเผชิญหน้าเพื่อบรรลุสิ่งที่เราต้องการ นั่นคือรอยยิ้มของเด็ก ๆ เมื่อพวกเขาสามารถเล่นกับของเล่นชิ้นใหม่ได้

 

ด้วยศักยภาพที่โดดเด่นของตลาดผลิตภัณฑ์แม่และเด็กในประเทศไทย พร้อมนำทัพด้วยบริษัทชั้นนำ อาทิ บริษัท ร็อคกิงคิดส์ อินเตอร์เนชั่นแนล, บริษัท แปลนทอยส์, บริษัท เอิร์ท ดีไซน์ (เบบี้ โมบี้), บริษัท ทีแมน ฟาร์มา (ไฟเบอร์เมท), บริษัท มาเธอร์กูส ประเทศไทย, บริษัท โฮโย ประเทศไทย, บริษัท บีซี ลิงค์, และบริษัท ตรัยนรโชติ (แบโลจี้) ตลอดจนสมาชิกอีกมากมายจากสมาคมการค้าของเล่นและผลิตภัณฑ์เด็กไทย ที่ยืนยันการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ ทางโคโลญเมสเซ่มีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมสร้างธุรกิจอย่างยิ่งใหญ่สู่อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์แม่และเด็กในปี 2566 โดยประมาณการณ์ยอดผู้เข้าร่วมงานกว่า 3,000 รายทั่วภูมิภาคฯ และยอดผู้จัดแสดงสินค้ากว่า 200 บริษัททั่วโลก

 

ไทยจัดแฟร์ทารก-เด็กวัยหัดเดิน ใหญ่สุดในเอเชียแปซิฟิก เล็งสะพัดพันล้าน

 

“ขณะนี้งานได้รับการตอบรับจากทั้งในและต่างประเทศ อาทิ ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ และอิตาลี คาดว่ามีมูลค่าการซื้อขายในการเจรจาทางธุรกิจไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท พร้อมช่วยสร้างศักยภาพให้ตลาดผลิตภัณฑ์แม่และเด็กในภูมิภาคฯ ให้เติบโตไปอีกขั้น” นายแมทธิว กล่าว