“บ้านปู” ทุ่มพันล้าน ลงทุนกักเก็บ CO2 ลงใต้ดินสหรัฐฯ

14 ก.ค. 2565 | 18:05 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ก.ค. 2565 | 01:20 น.

บ้านปู ทุ่มพันล้านบาท จับมือ EnLink ของสหรัฐอเมริกา ผุดโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ ลงหลุมใต้ดิน คาดดำเนินงานได้ภายในปี 2566

 

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้กำหนดกลยุทธ์ Greener & Smarter เพิ่มเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศด้านพลังงานของบ้านปู (Banpu Ecosystem) ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น และสอดรับเทรนด์โลกที่ตั้งเป้าลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก(GHG) สุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2603 โดยในปี 2568 กลุ่มบ้านปูได้ตั้งเป้าหมายในการลดก๊าซเรือนกระจกสำหรับธุรกิจเหมืองลง 7% จากการดำเนินงานในสภาวะปกติ และในธุรกิจไฟฟ้าที่ครอบคลุมไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงทั่วไปและจากพลังงานทดแทนลง 20%  ผ่านการดำเนินงานที่มีเป้าหมายเพิ่มกำไรในธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานของกลุ่มบ้านปูไม่ตํ่ากว่า 50 % ใน 10 ประเทศ

 

สมฤดี  ชัยมงคล

 

ทั้งนี้ การลงทุนในโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Sequestration : CCS) ถือเป็นอีก 1 ในการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว BKV Corporation (BKV) บริษัทย่อยของบ้านปูในสหรัฐอเมริกาได้บรรลุข้อตกลงพัฒนาโครงการ CCS ร่วมกับบริษัท EnLink Midstream, LLC (EnLink) ผู้ให้บริการระบบกลางนํ้าด้านพลังงาน (ระบบแยก อัดก๊าซ และท่อขนส่งก๊าซธรรมชาติ) รายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา 

 

โครงการนี้นับเป็นหนึ่งในโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เชิงพาณิชย์โครงการแรกที่เกิดขึ้นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา เพื่อช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตและการขนส่งก๊าซธรรมชาติ โดย EnLink จะขนส่งก๊าซธรรมชาติของ BKV ที่ถูกผลิตจากแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ที่บ้านปูเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผ่านท่อขนส่งไปยังโรงงานแยก และอัดก๊าซ ในรัฐเท็กซัส ซึ่งในระหว่างกระบวนการดังกล่าว ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะถูกดักจับ บีบอัด และขนส่งกลับไปหลุมใต้ดินของ BKV เพื่อจัดเก็บ และไม่มีการปล่อยกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศอีก  ที่คาดว่าจะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2566

 

“บ้านปู” ทุ่มพันล้าน ลงทุนกักเก็บ CO2 ลงใต้ดินสหรัฐฯ

 

ทั้งนี้ บ้านปูยึดมั่นในหลัก ESG ที่คำนึงถึงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ และถือเป็นแนวทางในทุกกระบวนการดำเนินธุรกิจ ผ่านมาบ้านปูนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่ตอบโจทย์การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ในกระบวนการผลิต เช่น เทคโนโลยี Combined Cycle Gas Turbines (CCGT) ที่ติดตั้งระบบการจัดการมลภาวะให้อยู่ในระดับตํ่า ในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ในสหรัฐอเมริกา ที่ BKV เป็นผู้ดำเนินงาน และเทคโนโลยีผสมผสานในการแปลงสถานะถ่านหินให้กลายเป็นก๊าซเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า (Integrated Gasification Combined Cycle : IGCC) ในโรงไฟฟ้านาโกโซ ในญี่ปุ่น

 

“การลงทุนในโครงการ CCS เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในการร่วมมือและสร้างพลังร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจในการพัฒนากระบวนการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น พร้อมทั้งยกระดับการพัฒนาความยั่งยืน ซึ่งจะช่วยผลักดันให้บ้านปูเข้าสู่เป้าหมายในการเข้าร่วมสังคมคาร์บอนตํ่า (Low Carbon Society) ได้เร็วมากขึ้น”

 

นายคริสโตเฟอร์ กาลนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BKV Corporation ในสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า “BKV มุ่งสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้ธุรกิจก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ของบ้านปูอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันยังคงดำเนินธุรกิจตามหลักความยั่งยืน โดยจัดตั้งหน่วยงานดีคาร์บอน เวนเจอร์ส (dCarbon Ventures) ขึ้นเพื่อสนับสนุนการเติบโตของ BKV อย่างยั่งยืนในอนาคต รวมถึงขับเคลื่อนนวัตกรรม และพัฒนาโครงการ CCS ซึ่งเป็นหนึ่งในการดำเนินงานที่ช่วยผลักดันเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และก๊าซมีเทน (CH4) ในปัจจุบันของ BKV ประมาณ 10% ถือเป็นก้าวสำคัญของการเดินหน้าสู่เป้าหมายของ BKV ในการปล่อยก๊าซดังกล่าวสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2568

 

แหล่งข่าวจากบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวนี้ ถือเป็นโครงการนำร่องในการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ใช้งบลงทุนประมาณ 30 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 1 พันล้านบาท สามารถกักเก็บคาร์บอนฯไดประมาณ 1 แสนตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งบ้านปูมีแผนที่จะไปร่วมพัฒนาการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนได ออกไซด์กับผู้ใจที่อยู่ระหว่างการศึกษาในอีกหลายโครงการ