ราคาน้ำมัน WTI พุ่ง 2.3% ปิดทะลุ122 ดอลล์ ขานรับจีนคลายล็อกดาวน์

09 มิ.ย. 2565 | 06:58 น.
อัปเดตล่าสุด :09 มิ.ย. 2565 | 13:59 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 สัปดาห์ในวันพุธ (8 มิ.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันเบนซินลดลงอย่างเหนือความคาดหมาย นอกจากนี้ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากที่จีนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 2.70 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 122.11 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. 2565
         

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 3.01 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 123.58 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. 2565

สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 800,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล
         

ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าความต้องการเชื้อเพลิงในสหรัฐยังคงเพิ่มขึ้น แม้ราคาน้ำมันเบนซินที่สถานีบริการพุ่งขึ้นอย่างมากก็ตาม โดยข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตยานยนต์อเมริกา (AAA) ระบุว่า ราคาน้ำมันเบนซินพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.955  ดอลลาร์/แกลลอนในวันพุธที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว เนื่องจากการที่จีนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในกรุงปักกิ่งและยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในนครเซี่ยงไฮ้จะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันในจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก
         

นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งหากมีการบรรลุข้อตกลงดังกล่าว ก็จะปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันในตลาด โดยก่อนหน้านี้ อิหร่านผลิตน้ำมันเฉลี่ย 2.4 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2564 และคาดว่าจะผลิตได้ 3.8 ล้านบาร์เรล/วัน หากมีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร