นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า อาเซียนกำหนดจัดการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน (SEOM) ครั้งที่ 2/53 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 6-10 มิถุนายน นี้ ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ติดตามความคืบหน้าและผลักดันประเด็นสำคัญภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
การประชุมครั้งนี้ ถือเป็นการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสครั้งแรกของปีนี้ กับคู่เจรจา FTA ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย และแคนาดา โดยมุ่งหารือยกระดับความตกลงของอาเซียนกับประเทศต่างๆ ให้ลึกซึ้งและครอบคลุมมากขึ้น
อาทิ การอัพเดทความตกลงอาเซียน-ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ การเตรียมการเจรจาอาเซียน-แคนาดา การเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศที่อาเซียนยังไม่มี FTA อาทิ สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของอาเซียนสำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับนอกภูมิภาค
นอกจากนี้ ที่ประชุมจะติดตามความคืบหน้าการมีผลใช้บังคับของความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) กับทุกประเทศ และอัพเกรดความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้การค้าภายในอาเซียนมีความสะดวก ทันสมัย และสอดคล้องกับโลกปัจจุบันมากขึ้น โดยประเด็นดังกล่าวเป็นการดำเนินงานภายใต้ประเด็นด้านเศรษฐกิจที่กัมพูชาผลักดันให้อาเซียนดำเนินการให้สำเร็จในปีนี้ ซึ่งมี 19 ประเด็น
ภายใต้ยุทธศาสตร์หลัก 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการส่งเสริมความเชื่อมโยงทางดิจิทัล วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ด้านการลดช่องว่างการพัฒนาเพื่อความสามารถในการแข่งขันของอาเซียน ด้านการส่งเสริมการบูรณาการและความสามารถในการแข่งขันที่มากขึ้นของอาเซียน และด้านการเป็นส่วนสำคัญของประชาคมโลกเพื่อการเติบโตและการพัฒนา
ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปีนี้ (ม.ค. - มี.ค.) การค้าของไทยกับอาเซียน มีมูลค่า 31,125 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+17.2%) เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยไทยส่งออกไปอาเซียน มูลค่า 17,907 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+17%) และไทยนำเข้าจากอาเซียน มูลค่า 13,219 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+17.4%)
ตลาดที่มีมูลค่าสูงสุด 5 อันดับแรกของไทย ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ซึ่งมูลค่าการค้าขยายตัวทุกประเทศ และขยายตัวเกือบทุกหมวดสินค้าทั้งส่งออกและนำเข้า โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์ และสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ก๊าซธรรมชาติ และเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ