ตะลึง! งบลงทุนแสนล้านผ่าน 6 เดือนบางหน่วยงานยังไม่ทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง

สำนักงบประมาณ รายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณ ไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2565 (ตุลาคม 2564 – มีนาคม 2565) ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบ โดยเฉพาะรายจ่ายงบลงทุนของหน่วยงานต่าง ๆ 

สำหรับพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เฉพาะรายการรายจ่ายลงทุน จำนวน 112,163 รายการ วงเงิน 608,160 ล้านบาท พบรายละเอียดดังนี้

• รายการที่เข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว จำนวน 80,727 รายการ วงเงิน 502,163 ล้านบาท 
• คงเหลือรายการที่ไม่ปรากฏสถานะในระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP) จำนวน 31,436 รายการ วงเงิน 105,996 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565)

ทั้งนี้มีหน่วยรับงบประมาณที่ต้องรายงานสถานภาพการดําเนินงานรายจ่ายลงทุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ข้อมูล ณ วันที่ 15 มีนาคม 2565 จำนวนทั้งสิ้น 568 หน่วยงาน จําแนกเป็น

1.รายการที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง จำนวน 4,374 รายการ วงเงิน 31,077 ล้านบาท คิดเป็น 29.32% ประกอบด้วย

• รายการปีเดียว จำนวน 3,966 รายการ วงเงิน 20,835 ล้านบาท คิดเป็น 19.66%
• รายการผูกพันใหม่ จำนวน 408 รายการ วงเงิน 10,241 ล้านบาท คิดเป็น 9.66%

สำหรับรายการที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างส่วนใหญ่อยู่ในสถานะแบบรูปรายการ/ร่างขอบเขตของงาน (TOR) กำหนดราคากลางแล้วเสร็จ ซึ่งมีจำนวน 3,368 รายการ วงเงิน 21,329 ล้านบาท ตามกรอบระยะเวลาการจัดซื้อจัดจ้างคาดว่าจะสามารถเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างได้ภายใน 6 วันทำการ

2.รายการที่เข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว จำนวน 20,677 รายการ วงเงิน 44,241 ล้านบาท คิดเป็น 41.74% ประกอบด้วย

• รายการปีเดียว จำนวน 20,366 รายการ วงเงิน 37,354 ล้านบาท คิดเป็น 35.24%
• รายการผูกพันใหม่ จำนวน 311 รายการ วงเงิน 6,886 ล้านบาท คิดเป็น 6.50%

3.ลงนามในสัญญา เริ่มก่อสร้าง/เริ่มดำเนินการ และรายการเดิมโอนเปลี่ยนแปลง/ยกเลิก จำนวน 6,385 รายการ วงเงิน 30,677 ล้านบาท คิดเป็น 28.94% ประกอบด้วย

• รายการปีเดียว จำนวน 6,198 รายการ วงเงิน 28,152 ล้านบาท คิดเป็น 26.56%
• รายการผูกพันใหม่ จำนวน 187 รายการ วงเงิน 2,524 ล้านบาท คิดเป็น 2.38%

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนให้แล้วเสร็จ พร้อมกับมอบหมายให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล มีการติดตาม เร่งรัด และประเมินผลการปฏิบัติงานและการใช้่จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมาย 

หากพบว่ารายการใดหมดความจำเป็นหรือคาดว่าจะไม่สามารถดำเนินการได้ทันในปีงบประมาณ ก็ให้พิจารณาปรับแผนปฏิบัติการและการใช้จ่ายไปดำเนินการแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนเป็นอันดับแรกตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล เพื่อเป็นกลไกการขจัดปัญหาความยากจน สอดคล้องกับสถานการณ์ข้อเท็จจริงและบริบทของแต่ละพื้นที่