น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง 5.9 ดอลลาร์ ยืนเหนือ 105 ดอลลาร์ รับข่าวยูเครนปิดทางส่งก๊าซ

12 พ.ค. 2565 | 07:21 น.
อัปเดตล่าสุด :12 พ.ค. 2565 | 14:22 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 6% ยืนเหนือระดับ 105 ดอลลาร์ในวันพุธ (11 พ.ค.) หลังมีรายงานว่ายูเครนปิดทางส่งก๊าซรัสเซียไปยุโรป

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 6% ยืนเหนือระดับ 105 ดอลลาร์ในวันพุธ (11 พ.ค.) หลังมีรายงานว่า การขนส่งก๊าซจากรัสเซียไปยังยุโรปโดยผ่านทางยูเครนนั้น มีปริมาณลดลง เนื่องจากยูเครนปิดเส้นทางหลักในการลำเลียงขนส่ง โดยนักลงทุนมองว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะยิ่งทำให้ตลาดน้ำมันโลกเผชิญภาวะตึงตัวมากขึ้น
         

  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 5.95 ดอลลาร์ หรือ 6% ปิดที่ 105.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 5.05 ดอลลาร์ หรือ 4.9% ปิดที่ 107.51 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้น หลังจากมีรายงานว่า ยูเครนได้ปิดเส้นทางหลักในการลำเลียงขนส่งก๊าซไปยังยุโรป โดยอ้างว่าเป็นเพราะกองกำลังทหารของรัสเซียเข้าแทรกแซง ซึ่งส่งผลให้การส่งก๊าซจากรัสเซียไปยังยุโรปมีปริมาณลดลงราว 1 ใน 4 เมื่อวานนี้ และถือเป็นครั้งแรกที่การลำเลียงก๊าซหยุดชะงักลงนับตั้งแต่รัสเซียใช้กำลังทหารบุกยูเครน
         

ที่ผ่านมานั้น ยูเครนยังคงเป็นเส้นทางสำคัญในการส่งก๊าซจากรัสเซียไปยังยุโรป โดยเส้นทางที่ยูเครนสั่งปิดครั้งนี้ ปกติใช้ขนส่งก๊าซจากรัสเซียไปยังยุโรปในปริมาณ 8% ซึ่งส่วนใหญ่ส่งไปยังออสเตรีย, อิตาลี, สโลวาเกีย, และชาติอื่น ๆ ในยุโรปตะวันออก

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ตลาดน้ำมันโลกจะเผชิญภาวะตึงตัวมากขึ้น หากสหภาพยุโรป (EU) บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย
         

ทั้งนี้ นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของ EU เสนอให้ประเทศสมาชิก EU ระงับการนำเข้าน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นจากรัสเซียเพื่อตอบโต้กรณีการใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน อย่างไรก็ดี มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซียจะต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิก EU ทั้งหมด 27 ประเทศ จึงจะสามารถมีผลบังคับใช้
         

ทางด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 8.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 457,000 บาร์เรล
         

ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 900,000 บาร์เรล ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล