กรมพัฒน์ฯ จับมือ 13 พันธมิตร ยกระดับผปก.ท้องถิ่นสู่การเป็นสมาร์ทโชวห่วย

06 พ.ค. 2565 | 13:27 น.
อัปเดตล่าสุด :06 พ.ค. 2565 | 20:45 น.

 กรมพัฒน์ฯ จับมือ 13 พันธมิตร ยกระดับผปก.ท้องถิ่นสู่การเป็นสมาร์ทโชวห่วย  ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ สร้างเครือข่าย  ยกระดับผู้ประกอบการท้องถิ่นให้เข้มแข็ง

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า กระทรวงพาณิชย์ในฐานะหน่วยงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย ได้ดำเนินการการพัฒนาผู้ประกอบการ และสร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจทุกระดับ โดยเฉพาะธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น (Local Economy)

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

ที่มีบทบาทในการตอบสนองความต้องการของคนในชุมชนขั้นพื้นฐาน ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกจึงถือเป็นหัวใจของระบบเศรษฐกิจภูมิภาคช่วยขยายตลาดทั้งผลิตภัณฑ์ชุมชนหรือสินค้าเกษตรในท้องถิ่น รวมทั้งเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

 

กรมพัฒน์ฯ จับมือ 13 พันธมิตร  ยกระดับผปก.ท้องถิ่นสู่การเป็นสมาร์ทโชวห่วย

ทั้งนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประสานความร่วมมือกับ 13 หน่วยงานพันธมิตร จัดงานลดต้นทุน เพิ่มรายได้ สร้างเครือข่าย สู่การเป็นสมาร์ทโชวห่วยในการเสริมสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการ เตรียมความพร้อมยกระดับการพัฒนาเป็นสมาร์ทโชวห่วย ซึ่งครอบคลุมหลายมิติ

กรมพัฒน์ฯ จับมือ 13 พันธมิตร  ยกระดับผปก.ท้องถิ่นสู่การเป็นสมาร์ทโชวห่วย

เช่น การปรับภาพลักษณ์ร้านค้าโชวห่วยให้ทันสมัยแต่คงความเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น การส่งเสริมให้โชวห่วยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการและการตลาด ตลอดจนเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากเครือข่ายพันธมิตรสมาร์ทโชวห่วย

กรมพัฒน์ฯ จับมือ 13 พันธมิตร  ยกระดับผปก.ท้องถิ่นสู่การเป็นสมาร์ทโชวห่วย

โดยปี 2565 กำหนดจัดงานสัมมนาฯ 12 ครั้ง ใน 4 ภูมิภาค ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ซึ่งในเดือนพฤษภาคม 4 ครั้ง ได้แก่ จังหวัดยโสธร กาญจนบุรี นครสวรรค์ และลำพูน และเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 5 ครั้ง ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต นครราชสีมา ลำปาง อุดรธานี และตรัง

กรมพัฒน์ฯ จับมือ 13 พันธมิตร  ยกระดับผปก.ท้องถิ่นสู่การเป็นสมาร์ทโชวห่วย

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์มีเป้าหมายในการพัฒนาสมาร์ทโชวห่วย ทั้ง 4 ภูมิภาค จำนวน 3,000 ราย และคาดว่าผู้ประกอบการสมาร์ทโชวห่วยจะมีมูลค่าการขายเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 180 ล้านบาท