เงินเฟ้อเดือนเมษาเพิ่มขึ้น 4.65% ตามราคาพลังงาน-อาหารที่สูงขึ้น

05 พ.ค. 2565 | 11:46 น.
อัปเดตล่าสุด :05 พ.ค. 2565 | 18:51 น.

เงินเฟ้อเดือนเมษาเพิ่มขึ้น 4.65%ชี้ปัจจัยที่กระทบต่อเงินเฟ้อมาจากราคาพลังงาน อาหารสดต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาอาหารสำเร็จรูปสูงขึ้นคาด เดือนพฤษภาคม ยังขยายตัวต่อเนื่อง หลังรัฐลอยตัวดีเซลและก๊าซหุงต้มยังขยับขึ้น กระทบต้นทุนการขนส่งและการผลิตสินค้า

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนเม.ย.2565 เท่ากับ 105.15 เทียบกับมี.ค.2565 เพิ่มขึ้น 0.34% เทียบกับเดือนเม.ย.2564 เพิ่มขึ้น 4.65% ถือเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง จากที่เคยสูงขึ้นในเดือนก.พ.และมี.ค.ที่ทำสถิติสูงสุดในรอบ 13 ปี เนื่องจากฐานปีก่อนสูง ส่วนเงินเฟ้อรวม 4 เดือนปี 2565 (ม.ค.-เม.ย.) เพิ่มขึ้น 4.71% และเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่หักอาหารสดและพลังงานที่มีความผันผวนด้านราคาออก ดัชนีอยู่ที่ 102.57 เพิ่มขึ้น 0.14% เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.2565 และเพิ่มขึ้น 2.0% เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.2564 และรวม 4 เดือนเพิ่มขึ้น 1.58%

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)

สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น มาจากการสูงขึ้นของสินค้าในกลุ่มพลังงาน เพิ่ม 21.07% ส่งผลให้สินค้าในหมวดพาหนะการขนส่งและการสื่อสาร เพิ่ม 10.73% โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง เพิ่ม 29.74% หมวดเคหสถาน เพิ่ม 0.98% มาจากการสูงขึ้นของค่ากระแสไฟฟ้า และก๊าซหุงต้มที่สิ้นสุดมาตรการตรึงราคาและเริ่มปรับราคาแบบขั้นบันได 3 ครั้ง ตั้งแต่เม.ย.-พ.ค.2565 และยังมีการสูงขึ้นของสินค้ากลุ่มอาหาร 4.83% เช่น ไข่ไก่ เนื้อสุกร ไก่สด ผักสดบางชนิด น้ำมันพืช อาหารสำเร็จรูป และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟ/ชา (ร้อน/เย็น)) รวมถึงสินค้าทำความสะอาด (น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก น้ำยารีดผ้า) ของใช้ส่วนบุคคล (แชมพู ยาสีฟัน สบู่ถูตัว) เนื่องจากหมดโปรโมชันลดราคา แต่ราคาสินค้ายังไม่เกินช่วงแนะนำ
 

 

เงินเฟ้อเดือนเมษาเพิ่มขึ้น 4.65%  ตามราคาพลังงาน-อาหารที่สูงขึ้น

สินค้าในกลุ่มอาหาร สูงขึ้น 4.83% จากการสูงขึ้นของอาหารสดในกลุ่มปศุสัตว์ อาทิ ไข่ไก่ เนื้อสุกรไก่สด ราคาเปลี่ยนแปลงตามต้นทุนการเลี้ยง ผักสดบางชนิด ซึ่งปรับขึ้นตามสภาพภูมิอากาศ และปริมาณผลผลิต ส่วนน้ำมันพืช ราคาปรับสูงขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น นอกจากนี้ อาหารสำเร็จรูป และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟ/ชา (ร้อน/เย็น)) ปรับขึ้นเล็กน้อย สินค้าอื่น ๆ ที่ปรับสูงขึ้น อาทิ สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด (น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก น้ำยารีดผ้า) ของใช้ส่วนบุคคล (แชมพู ยาสีฟัน สบู่ถูตัว) เนื่องจากหมดโปรโมชั่นลดราคาแต่ราคาสินค้ายังไม่เกินช่วงแนะนำ

ขณะที่สินค้าจำเป็นอีกหลายรายการราคายังคงลดลง อาทิ กลุ่มข้าวแป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง ลดลง 3.64% (ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว แป้งข้าวเจ้า) ราคาปรับลดลงตามความต้องการของตลาดและปริมาณผลผลิตที่ออกมากกว่าปีที่ผ่านมา กลุ่มผลไม้สด ลดลง 1.05% (ส้มเขียวหวาน มะม่วง กล้วยหอม)

เนื่องจากผลไม้หลายชนิดออกมาพร้อมกัน ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น ขณะที่ความต้องการมีไม่มากนัก ดังนั้นราคาผลไม้บางประเภทจึงลดลง เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า ลดลง 0.17% (กางเกงขายาวบุรุษ เสื้อยืดสตรีและบุรุษ) เนื่องจากผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยมากยิ่งขึ้น ประกอบกับห้างร้านมีการจัดโปรโมชันอย่างต่อเนื่อง การศึกษา ลดลง 3.14% ตามค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมการศึกษาที่ปรับลดลงทุกระดับชั้น

ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนนี้ เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2565 อยู่ที่ 0.34% (MoM) ซึ่งต่ำกว่าเดือนมีนาคม 2565 ที่อยู่ร้อยละ 0.66 จากราคาของผักสด ผลไม้สด เนื้อสุกร และไข่ไก่ ที่สูงขึ้นเล็กน้อย ขณะที่น้ำมันเชื้อเพลิงราคาปรับลดลง ส่วนอาหารสำเร็จรูปบางรายการราคาสูงขึ้นในอัตราที่น้อยลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการตรึงราคาน้ำมันและมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการกำกับดูแลราคา และการขอความร่วมมือภาคเอกชนตรึงราคาสินค้าที่จำเป็น และเฉลี่ย 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.) ปี 2565 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 4.71% (AoA)

แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ เดือนพฤษภาคม 2565 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากราคาน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับมาตรการตรึงราคาและการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ได้สิ้นสุดลงในเดือนเมษายนและปลายเดือนพฤษภาคมนี้ และการปรับราคาสูงขึ้นแบบขั้นบันไดของก๊าซหุงต้ม หรือ LPG ในเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2565 รวมทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะอาหารสดและอาหารสำเร็จรูปยังมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบ

นอกจากนี้ ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์โลก มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และพันธมิตร และการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงความไม่แน่นอนของสภาพอากาศ ยังคงเป็นปัจจัยที่จะส่งผลให้เงินเฟ้อของประเทศสูงขึ้นได้ในระยะต่อไป ซึ่งจะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด  แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ ปี 2565 กระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อทั่วไปของไทย ปี 2565 จะเคลื่อนไหวในกรอบ 4.0 - 5.0% (ค่ากลางอยู่ที่ 4.5%) ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง