หากใครที่มีโอกาสผ่านไปย่านประชาชื่น คงจะคุ้นเคยกับร้านอาหารซีฟู้ดที่ตั้งโดดเด่นริมคลองประปาอย่างร้าน “เจ๊ไข่ซีฟู้ด” ซึ่งถือเป็นร้านอาหารทะเลเจ้าแรกบนถนนเส้นนี้ ด้วยชื่อเสียงด้านความอร่อยที่ลือเลื่องมานานกว่า 30 ปีทำให้มีลูกค้าแน่นร้านเกือบตลอดเวลาในทุกวัน หลายคนที่เคยแวะเวียนไปลิ้มลองรสชาติอาหารที่ถือเป็นตำนานต่างก็ติดใจจนเกิดการบอกต่อจากรุ่นสู่รุ่น
แต่อะไรคือปัจจัยความสำเร็จที่ทำให้ร้านนี้เติบโตและขยายกิจการได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถครองใจลูกค้าในทุกยุคทุกสมัย จนกลายเป็นสุดยอดร้านเดลิเวอรีอันดับหนึ่งที่การันตีโดยรางวัล #GrabThumbsUp Awards 2022 อย่างในปัจจุบัน วันนี้เราจะชวนมาฟังเคล็ดลับในแบบฉบับ “เจ๊ไข่” สาวแกร่งร่างเล็กที่หยุดพักจากงานครัวชั่วคราวมาถ่ายทอดประสบการณ์การทำร้านอาหารให้คนกินติดใจมายาวนานกว่าสามทศวรรษ
เริ่มต้นธุรกิจด้วย “ความซื่อสัตย์และความจริงใจ”
นิภาพร ซื่อสัตย์ คือชื่อและนามสกุลจริงของ “เจ๊ไข่” สาวแกร่งวัย 57 ปีที่ก่อตั้งธุรกิจร้านเจ๊ไข่ซีฟู้ดมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองและสามี หากจะบอกว่าเธอคือคนที่ซื่อสัตย์กับใจตัวเองและลูกค้าก็คงไม่ผิดนัก เพราะถึงแม้จะเป็นคนกุมบังเหียนการบริหารร้าน แต่เจ๊ไข่ก็ยังคงทำหน้าที่ลงไปตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบถึงแหล่งด้วยตัวเองอยู่เสมอ ด้วยความตั้งใจที่ต้องการรักษามาตรฐานของร้านเอาไว้
“เจ๊ไข่เรียนจบแค่ ป.7 ก็เลยตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ มาหางานทำเป็นลูกมือคอยช่วยหั่น ช่วยสับอาหารอยู่ในครัว เพราะเรารู้ตัวว่าชอบทำอาหารมาตั้งแต่เด็กๆ พออายุ 17 เจ๊เลยตัดสินใจชวนแฟนมาทำรถเข็นขายอาหาร ซึ่งช่วงนั้นลูกค้าก็เริ่มติดใจในรสมือ จนเป็นแรงผลักดันให้อยากมีร้านขายอาหารที่เป็นหลักแหล่ง บวกกับสมัยนั้นที่ถนนเส้นประชาชื่นไม่มีร้านขายอาหารซีฟู้ดเลย เรามองเห็นโอกาสตรงนี้เลยตัดสินใจกู้เงินมาลงทุน คว้าโอกาสไว้และเริ่มเปิดเป็นร้านเจ๊ไข่ซีฟู้ดอย่างทุกวันนี้ เจ๊มองว่าสิ่งที่ทำให้คนติดใจและกลับมากินอาหารที่ร้านเราซ้ำบ่อยๆ คือมาตรฐานของรสชาติและการบริการ วัตถุดิบที่เจ๊เลือกมาทำอาหารต้องมีคุณภาพเหมือนที่เราทำให้คนในครอบครัวเรากิน สิ่งนี้คือความซื่อสัตย์และจริงใจที่เรามอบให้ลูกค้ามาตลอด”
“พลิกวิกฤติเป็นโอกาส” เปลี่ยนร้านเก่า...สู่ร้านเก๋าในยุคดิจิทัล
เจ๊ไข่ซีฟู้ดเปิดมาแล้วว่า 40 ปี แน่นอนว่าย่อมเจอกับวิกฤติมากมาย รวมถึงการที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แต่สาวแกร่งคนนี้ก็นำพาอาณาจักรร้านอาหารของเธอฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้นจนก้าวเข้ามาเป็นร้านในดวงใจของใครหลายคน และหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เจ๊ไข่ซีฟู้ดยังคงยืนหนึ่งในด้านอาหารทะเลมาจนถึงทุกวันนี้ คือการพัฒนาและปรับตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคอยเปิดรับแนวคิดใหม่ๆ จากลูกๆ อย่าง คุณบ๊วย-พนารัตน์ เอี่ยมผ่องใส ที่ได้เข้ามาช่วยบริหารร้านและออกไอเดียปรับเปลี่ยนระบบภายในให้ทันสมัย
“วิกฤติหรือปัญหาเศรษฐกิจที่เคยเจอมาเทียบไม่ได้เลยกับช่วงโควิด เพราะเราไม่สามารถขายหน้าร้านได้เลย แต่ก่อนหน้านั้นเรามีทำระบบฟู้ดเดลิเวอรีของเราเองอยู่แล้ว คือมีมอเตอร์ไซต์อยู่ 3 คันสำหรับใช้ส่งออเดอร์ที่สั่งตรงกับร้าน แต่ด้วยจำนวนรถแค่นี้ทำให้ช่วงโควิดระบาดหนักๆ เราก็ไม่สามารถส่งอาหารได้ทันกับความต้องการของลูกค้า บางครั้งลูกๆ เองก็ยังต้องช่วยกันขับรถออกไปส่งอาหารด้วยตัวเอง ตอนนั้นเจ๊ก็เริ่มมองหาเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยเราแก้ปัญหาในเรื่องนี้ ซึ่งแกร็บก็เป็นตัวเลือกแรกที่เจ๊สนใจ เพราะมีไรเดอร์เยอะ ลูกค้าที่มาทานหน้าร้านก็มีถามถึงบ่อยๆ ว่าส่งผ่านแกร็บหรือเปล่า พอตัดสินใจเข้าร่วมกับแกร็บ เจ๊ก็ไม่ผิดหวังนะ เพราะช่วยทำให้ลูกค้าเข้าถึงอาหารของร้านเราได้เยอะขึ้น แถมได้ขยายฐานลูกค้าใหม่ที่อยู่นอกโซนประชาชื่นอีกด้วย กลายเป็นว่ายอดสั่งอาหารผ่านแกร็บในช่วงนั้นนับเป็นอีกหนึ่งรายได้หลักของร้านก็ว่าได้”
“บ๊วยมองว่าเราเป็นลูกที่โชคดีที่คุณแม่เป็นคนเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนระบบการบริหารร้านให้ดีขึ้น ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปมีผลเยอะมากต่อการบริหารร้านให้ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะเทรนด์ร้านอาหารในยุคคุณแม่คือการเน้นขายตัวตนของผู้ก่อตั้ง แต่เมื่อเราต้องมารับช่วงดูแลกิจการต่อ จะทำอย่างไรให้ร้านเติบโตต่อไปได้และที่สำคัญคือลูกค้าก็ยังคงต้องเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานของร้านเราไม่ต่างจากรุ่นบุกเบิก ซึ่งคุณแม่เองก็เห็นตรงกันกับลูกๆ ในเรื่องนี้ จึงได้พยายามปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง ลูกๆ เองก็นำวิธีการทำงานของคุณแม่มาต่อยอดและผสมผสานกับแนวคิดและวิธีการใหม่ๆ จนกลายเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้เราดึงดูดได้ทั้งลูกค้าเดิมที่มาทานตั้งแต่รุ่นคุณแม่ และลูกค้าใหม่ที่เป็นวัยรุ่นซึ่งรู้จักร้านของเราผ่านโซเชียลมีเดียและการทำการตลาดออนไลน์”
เสียงสะท้อนความสำเร็จผ่านรางวัลการันตี “ความอร่อยยกนิ้ว”
ด้วยความจริงใจและใส่ใจในคุณภาพอาหารที่สั่งสมมาอย่างยาวนานทำให้ร้านเจ๊ไข่ซีฟู้ดได้รับรางวัลการันตีมากมายจากหลายสถาบัน และล่าสุดกับ “รางวัลสุดยอดร้านเดลิเวอรีแห่งปี ประเภทอาหารไทย” จากงานประกาศรางวัล #GrabThumbsUp Awards 2022 ที่กลายเป็นอีกหนึ่งเสียงยืนยันความนิยมของร้านผ่านการขายบนแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีอย่าง GrabFood
“แม้ว่าเราจะเริ่มทำตลาดผ่านช่องทางฟู้ดเดลิเวอรีได้เพียง 2 ปีกว่า แต่ก็ถือเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดหวัง เพราะตอนนี้ยอดขายหลักเกือบ 50% ก็มาจากช่องทางนี้ แถมยังทำให้เราได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น สำหรับรางวัล #GrabThumbsUp ที่เราเพิ่งได้รับนี้ เจ๊และลูกๆ รู้สึกภูมิใจมาก เพราะเป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมั่นที่เราได้รับจากลูกค้า และเป็นกำลังใจให้กับความทุ่มเทในการรักษามาตรฐานมาโดยตลอด ขณะเดียวกัน รางวัลนี้ก็ถือเป็นแรงผลักดันให้เราต้องรักษาคุณภาพและพัฒนาบริการให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อให้สามารถครองใจลูกค้าได้ในทุกเจเนอเรชัน
“สด ใหม่ ใหญ่ แซ่บ” กับคุณภาพที่ไม่เคยหยุดพัฒนา
“สด ใหม่ ใหญ่ แซ่บ” คือสโลแกนที่เจ๊ไข่ตั้งขึ้นมาเพื่อการันตีคุณภาพและรสชาติของอาหารที่เสิร์ฟให้กับลูกค้าตลอด 30 กว่าปี แต่สโลแกนนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดการบริหารร้านที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างรุ่นแม่สู่รุ่นลูกอีกด้วย
“คำว่า สด ใหม่ ใหญ่ แซ่บ เป็นประโยคที่ฟังแล้วติดหู ลูกค้ามาทานอาหารร้านเราก็จะได้รับประสบการณ์ที่ดีกลับบ้านไป เพราะวัตถุดิบของร้านมีความสดและไซส์ใหญ่คุ้มราคา ส่วนในแง่ของการดูแลร้านเจ๊มองว่าเราต้องมีไอเดียสดใหม่อยู่เสมอ อย่างเช่นการที่น้องบ๊วยเปิดคาเฟ่ HATCH by J’Khai ที่กำลังจะรีแบรนด์เป็น Hatchery ก็เป็นอีกหนึ่งความสดใหม่ที่เราใส่เข้ามา ใครจะไปคิดว่าร้านอาหารทะเลและคาเฟ่จะอยู่ด้วยกันได้ ซึ่งร้านนี้เราก็ทำการตลาดออนไลน์เหมือนกัน สิ่งนี้ถือเป็นจุดขายที่เจ๊ใช้ดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ให้เปิดใจเข้ามาทานอาหารร้านเรา เมื่อลูกค้าเห็นว่าร้านเจ๊ไข่ซีฟู้ดมีการปรับตัวอยู่เสมอ ไม่ล้าสมัย ลูกค้าก็จะไม่เบื่อที่จะกลับมา เจ๊มองว่านี่เป็นกำไรของเรานะ มองว่าเป็นความแซ่บที่เราได้รับตอบแทนจากการที่เราทุ่มเทความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าทำงานตรงนี้มาโดยตลอดก็ได้นะ” เจ๊ไข่พูดทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข