รถยนต์ EV ในไทย 2022 ลดภาษีเท่าไหร่ มีผลเมื่อไหร่ เช็คครบจบที่นี่

23 ก.พ. 2565 | 05:24 น.
5.3 k

ไขข้อสงสัย ภาษีรถยนต์ EV ของประเทศไทย หลังครม.เห็นชอบปรับโครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตใหม่ โดยลดภาษีลงเท่าไหร่ และมีผลเมื่อไหร่ เช็คที่นี่

หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่..) พ.ศ.  ....  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยเป็นการปรับปรุงโครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้ารถยนต์ประเภทต่าง ๆ รวม 27 ประเภท 

 

ส่วนแรกตามร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ จะมีรถยนต์รวม 6 ประเภท ที่เริ่มมีผลบังคับใช้นับจากวันที่ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งได้มีการกำหนดอัตราภาษี และระยะเวลา ดังนี้

 

1.รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Pick-up Passenger Vehicle: PPV) แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้าที่สามารถเสียบปลั๊กประจุไฟฟ้าได้ (Plug-in Hybrid Electric Vehicle)

  • จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า 10% (เดิมจัดเก็บ 18%)
  • มีผลตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธ.ค. 78 
  • กรณีที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า 50% (เดิมจัดเก็บ 40%)  

2.รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภท ประหยัดพลังงานแบบพลังงานไฟฟ้า (Electric Powered Vehicle)

  • จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า 2% (เดิมจัดเก็บ 8%) 
  • กรณีที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข แบ่งเป็น 2 ช่วงระยะเวลา คือ ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวง มีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธ.ค. 68 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 69 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า 8 - 10% 

 

3.รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภท ประหยัดพลังงานแบบมาตรฐานสากล (Eco car)

  • ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า 14% (เดิมจัดเก็บ 10-14%) มีผลตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธ.ค. 66 
  • ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธ.ค. 68 พิจารณาจากความจุกระบอกสูบ อัตราการปล่อย CO2 และการติดตั้งมาตรฐานความปลอดภัย ให้จัดเก็บภาษีในอัตรา ตามมูลค่า 10 - 12% 
  • ถ้าไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ฯ อัตราภาษีจะเป็นไปตามอัตราของรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน

 

4.รถยนต์กระบะ 4 ประตู (Double Cab) แบบผสมที่ใช้ พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้าที่สามารถเสียบปลั๊กประจุไฟฟ้าได้

  • ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า 5% (เดิมจัดเก็บ 6-8%) ตั้งแต่กฎกระทรวงมีผลบังคับใช้ 

 

รถยนต์ EV


 

5.รถยนต์กระบะแบบพลังงานไฟฟ้า (เดิมจัดเก็บ 10%)

  • กรณีเป็นไปตามหลักเกณฑ์ แบ่งเป็น 2 ช่วงระยะเวลา คือ
  1. ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึง วันที่ 31 ธ.ค. 68 ให้จัดเก็บภาษี ในอัตราตามมูลค่า 0% 
  2. ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 - 31 ธ.ค. 78 ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า 2% 

 

  • กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แบ่งเป็น 2 ช่วงระยะเวลา คือ
  1. ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึง วันที่ 31 ธ.ค. 68
  2. ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 - 31 ธ.ค. 78 โดยจะพิจารณาจากประเภทพลังงานที่ใช้ในรถยนต์ มีการจัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า 10% (เดิมไม่ได้กำหนด) 

 

6.รถยนต์กระบะแบบเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Powered Vehicle) หรือรถที่ต้องเติมพลังงานไฮโดรเจน ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า

  • ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า 0% (เดิมไม่ได้กำหนด) 
  • กรณีที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แบ่งเป็น 2 ช่วง
  1. ตั้งแต่วันที่ กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธ.ค.68
  2. ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 69 - 31 ธ.ค. 78 ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า 5% (เดิมไม่ได้กำหนด)

 

สำหรับรถยนต์ประเภทที่เหลือ (นับเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้า) จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่ปี 2569 - 2578 เช่น

 

1.รถยนต์นั่ง หรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภทประหยัดพลังงานแบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า (Hybrid Electric Vehicle) แบ่งเป็น 3 ช่วงระยะเวลา

  • ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 - 31 ธ.ค. 70 ตั้งแต่1 ม.ค. 71 - 31 ธ.ค. 72 และตั้งแต่ 1 ม.ค. 73 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า 6 - 28% (เดิมจัดเก็บ 8-26%)
  • กรณีที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ
  1. ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 - 31 ธ.ค. 72
  2. ตั้งแต่ 1 ม.ค. 73 เป็นต้นไป มีการจัดเก็บ ภาษีในอัตราตามมูลค่า 15 - 30% (เดิมจัดเก็บ 15-30%)
  • กรณีที่มีความจุกระบอกสูบเกิน 3,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า 40% (เท่าเดิม) ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 69 เป็นต้นไป

 

2.รถยนต์นั่ง หรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภทประหยัดพลังงานแบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่สามารถเสียบปลั๊กประจุไฟฟ้าได้ (Plug-in Hybrid Electric Vehicle)

  • ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า 5 - 10% ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 เป็นต้นไป 
  • กรณีที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 - 31 ธ.ค. 72 และตั้งแต่ 1 ม.ค. 73 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บภาษี ในอัตราตามมูลค่า 15 - 20% 
  • สำหรับความจุกระบอกสูบเกิน 3,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า 30% ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 เป็นต้นไป 

 

3. รถยนต์กระบะแบบพลังงานไฟฟ้า (Electric Powered Vehicle)

  • ให้จัดเก็บภาษี ในอัตราตามมูลค่า 0 -2% (เดิมจัดเก็บ 10%)
  • มีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 - 31 ธ.ค. 78 

 

รถยนต์ EV

 

ส่วนการปรับปรุงโครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต รถจักรยานยนต์ (เฉพาะรถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้า) มีดังนี้


1. รถจักรยานยนต์แบบพลังงานไฟฟ้า โดยจะพิจารณาจากแรงดันไฟฟ้า

  • ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า 0 - 10% ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 เป็นต้นไป (เดิมจัดเก็บ 1%)

 

2. รถจักรยานยนต์แบบที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิง หรือแบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า

  • ให้จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า 4 - 25% (เดิมจัดเก็บ 1-18%)

 

นอกจากนี้ยังมีการลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูป (CBU) ประกอบสำเร็จรูปนำเข้าทั้งคัน ที่ได้รับสิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) และการนำเข้าทั่วไป ในปี 2565 - 2566 ดังนี้

 

  1.  ราคาขายปลีกแนะนำ ไม่เกิน 2 ล้านบาท กรณีใช้สิทธิ FTA อากรไม่เกิน 40% ให้ยกเว้นอากร/ ใช้สิทธิ FTA อากรเกิน 40% ให้ลดลงอีก 40% สำหรับกรณีนำเข้าทั่วไป อากร 80% ให้ลดลงเหลือ 40% 
  2. ราคาขายปลีกตั้งแต่ 2-7 ล้านบาท กรณีใช้สิทธิ FTA อากรไม่เกิน 20% ให้ยกเว้นอากร/ ใช้สิทธิ FTA อากรเกิน 20% ให้ลดลงอีก 20% สำหรับอัตราอากรนำเข้าทั่วไปให้ลดลงเหลือ 60%