ยังผวาโควิด-19ระวังจับจ่าย "ตรุษจีนอุดรฯ"เหงา

27 ม.ค. 2565 | 11:13 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ม.ค. 2565 | 18:39 น.

ตรุษจีนอุดรฯปีนี้เหงา คนยังผวาโควิด-19 ระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย แต่เชื่อจะค่อยฟื้นตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ได้รถไฟจีน-ลาวเป็นตัวช่วยปลุกการค้า-การลงทุนในพื้นที่ นิคมอุดรฯเปิดนักลงทุนเข้าพัฒนาแล้ว 

นายธีระ ตั้งหลักมั่นคง รองนายกสมาคมส่งเสริมพ่อค้าจีนจังหวัดอุดรธานี อดีตประธานหอการค้าจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า  ช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2565 นี้ รู้สึกเงียบเหงากว่าทุกปีที่ผ่านมา จากภาวะเศรษฐกิจทั่วไปที่ยังไม่ดี จากผลกระทบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ผู้ประกอบการหลายรายในอุดรธานีต้องชะลอหรือยกเลิกดำเนินการ 

 

ส่วนกิจกรรมที่ได้รับอนุญาตต้องจัดภายใต้มาตรการรักษาความปลอดภัยของจังหวัดอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะกิจกรรมไหว้เจ้าที่ศาลเจ้าปู่-ย่า อุดรธานี  ประชาชนที่เข้าร่วมต้องป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อ ซึ่งได้ระบาดมากว่า 2 ปีแล้ว ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมไม่ดี ธุรกิจหลายประเภทเดือดร้อนเงียบเหงา ทุกภาคส่วนต้องประหยัด ระมัดระวัง และอดทนที่ต้องอยู่ให้ได้อย่างมีความสุข 

นายธีระ ตั้งหลักมั่นคง รองนายกสมาคมส่งเสริมพ่อค้าจีนจังหวัดอุดรธานี อดีตประธานหอการค้าจังหวัดอุดรธานี

นายธีระกล่าวอีกว่า ในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ ทางรัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนหลาย ๆ มาตรการ เป็นการให้การช่วยเหลือในภาวะที่ทุกคนลำบาก ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็อยากให้รัฐและหน่วยที่เกี่ยวข้อง จะต้องมีความเข้มงวดกับภาวะเศรษฐกิจทั่วไป เช่น สินค้าอุปโภคบริโภคทั่ว ๆ ไป ที่ปรับราคาสูงขึ้น ทำให้ประชาชนเดือดร้อนนั้น อยู่ในเหตุผลเพียงพอหรือไม่ ควรควบคุมดูแลให้สมดุลกับสถานการณ์ ให้ทุกฝ่ายเดือดร้อนน้อยลง และอยู่กันได้อย่างวิน-วิน 
    

ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ไม่น่าจะเลวร้ายไปกว่านี้แล้ว เศรษฐกิจทั่วไปน่าจะค่อยขยับตัวในทางที่ดีขึ้น จากที่ประชาชนได้ฉีดวัคซีนแล้วเป็นส่วนใหญ่ และเรียนรู้ปรับตัวใช้ชีวิตในสถานการณ์ปัจจุบันอย่างระมัดระวัง ซึ่งภาครัฐได้ปูพื้นแนวทางฟื้นฟูไว้หลายอย่าง จะทำให้สถานการณ์ค่อย ๆ ดีขึ้น เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้พื้นที่และประเทศในภาพรวมเป็นอันดับต้น ๆ แม้จะไม่ดีเหมือนเดิมก่อนเกิดโควิด เพราะยังต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย

ด้านทิศทางเศรษฐกิจและโอกาสของอุดรธานีและภาคอีสานนั้น นายธีระกล่าวว่า เดิมไทยส่งสินค้าไปจีนทางถนนสาย R3A หรือทางเรือเป็นหลัก แต่เมื่อเปิดเดินรถไฟจีน-ลาว เพิ่มช่องทางการขนส่งใหม่อีกทางหนึ่งที่รวดเร็วและประหยัด เป็นโอกาสของสินค้าเกษตรอีสานและอุดรธานี ที่มีพืชเกษตรหลักคือ ข้าว มันสำปะหลัง อ้อย ยางพารา ที่จะไปถึงผู้บริโภคปลายทางอย่างสดใหม่ เร็วขึ้น ขณะเดียวกันผู้บริโภคไทยก็จะมีโอกาสได้สินค้าสดใหม่ที่มากับรถไฟจีน-ลาวด้วย ที่เรียกกันว่า"มีไปก็มีมา" ทำให้เกิดความเปลี่ยนในหลายเรื่องทั้งการลงทุน การท่องเที่ยวที่จะตามมา

 

ในพื้นที่อุดรธานีเองก็มีโครงการนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี ที่เปิดให้นักลงทุนเข้าลงทุนในโครงการได้แล้ว และเริ่มมีนักลงทุนจากจีนสนใจเข้ามาลงทุนในโครงการ จะช่วยปลุกเศรษฐกิจมวลรวมของอีสาน ทำให้เห็นอนาคตของอุดรธานีและอีสาน จากที่ได้ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพในพื้นที่และจะกระจายสู่พื้นที่อื่น ๆ ของอีสาน 

 

“ในฐานะของพ่อค้าและอดีตประธานหอการค้าจังหวัดอุดรธานี ขอให้รัฐบาลทุ่มเทช่วยเหลือประชาชนให้มากขึ้นกว่าที่ทำอยู่แล้ว เพื่อลดความลำบากของประชาชน และขอให้เร่งแผนงานโครงการต่าง ๆ ที่รัฐบาลมีอยู่ เช่น การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน หรือโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจอีสาน (NeEC    ) และอื่น ๆ " นายธีระกล่าว