บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่ม 200 โอนงวดแรกให้ผู้ถือบัตรวันไหนดูที่นี่ได้เลย

25 ม.ค. 2565 | 12:13 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ม.ค. 2565 | 20:24 น.
5.6 k

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่ม 200 กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง โอนงวดแรกให้ผู้ถือบัตร 14.54 ล้านราย วันไหน หลัง ครม.อนุมัติเติมเงิน 3 เดือน ดูด่วนที่นี่เลย

เกาะติดโอนเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจน หลังเมื่อวานนี้ (24 ม.ค.65)  คณะรัฐมนตรี หรือ ครม. อนุมัติโครงการเพิ่มกำลังซื้อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในเฟสที่ 4 จำนวน 600 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.-30 เม.ย.65 ให้กับผู้ถือบัตรจำนวน 14.54 ล้านราย

สำหรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่ม 200 รายละเอียดดังนี้

 

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565

  • เติมเงินวงเงินซื้อสินค้า กลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท ได้รับ 300 บาท/เดือน และ ได้รับเพิ่มอีก 200 บาท รวมทั้งสิ้น 500 บาท

 

  • กลุ่มที่มีรายได้เกิน 30,000 บาท ได้รับ 200 บาท/เดือน และ ได้รับเพิ่มอีก 200 บาท รวมทั้งสิ้น 400 บาท

 

วันที่ 1 มีนาคม 2565

  • เติมเงินวงเงินซื้อสินค้า กลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท ได้รับ 300 บาท/เดือน และ ได้รับเพิ่มอีก 200 บาท รวมทั้งสิ้น 500 บาท

 

  • กลุ่มที่มีรายได้เกิน 30,000 บาท ได้รับ 200 บาท/เดือน และ ได้รับเพิ่มอีก 200 บาท รวมทั้งสิ้น 400 บาท

 

วันที่ 1 เมษายน 2565

 

  • เติมเงินวงเงินซื้อสินค้า กลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท ได้รับ 300 บาท/เดือน และ ได้รับเพิ่มอีก 200 บาท รวมทั้งสิ้น 500 บาท

 

  • กลุ่มที่มีรายได้เกิน 30,000 บาท ได้รับ 200 บาท/เดือน และ ได้รับเพิ่มอีก 200 บาท รวมทั้งสิ้น 400 บาท

 

 

 

มาตารการรัฐ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่ม200

นอกจากผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้รับเพิ่ม 200 บาทแล้วได้สิทธิอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น จากไทม์ไลน์สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในแต่ละเดือน กรมบัญชีกลาง นอกจากเติมเงินให้กับผู้ถือบัตรสูงสุด 300 บาท เพื่อนำไปซื้อสินค้าร้านค้าธงฟ้าแล้วยังสามารถนำไปใช้สิทธิอื่นๆ ได้อีกดังนี้

 

  • ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 45 บาทต่อ 3 เดือน

 

  • ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประกอบด้วย

 

  • ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อเดือน

 

  • ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อเดือน

 

  • ค่าโดยสารรถไฟฟ้า ขสมก./ MRT/ BTS และ ARL 500 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่อาศัยอยู่ในเขต กทม. และปริมณฑล).

 

ที่มา: กรมบัญชีกลาง