กองทุนน้ำมันฯ ติดลบ 8,000ล้าน กระทรวงพลังงานเร่ง หารือ "คลัง" ลดภาษีดีเซล

19 ม.ค. 2565 | 19:50 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ม.ค. 2565 | 03:09 น.

กองทุนน้ำมันฯ ติดลบกว่า8,000ล้านล้านบาท กระทรวงพลังงาน เตรียมจับเข่าคุยกระทรวงการคลัง ขอลดภาษีดีเซลรอบสองหลังเคบถูกปฏิเสธ ด้าน สอบ.ค้านใช้เงินกองทุนฯ อุ้มดีเซล จี้ลดภาษีน้ำมันช่วยประชาชน

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท  ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่าปัจุบันราคาน้ำมันตลาดโลกสูงเกินคาดการณ์ สืบเนื่องจากปัญหาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากวิกฤติโควิด และความไม่สงบในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ยูเครน และเหตุระเบิดที่ระบบการขนส่งทำให้ตุรกีได้ระงับการลำเลียงน้ำมันผ่านท่อส่งที่เชื่อมต่อระหว่างตุรกีและอิรัก

 

ส่งผลให้ตลาดเกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัว กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจึงต้องเข้าอุดหนุนราคาน้ำมันเพื่อควบคุมราคาดีเซลในประเทศไทยไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรซึ่งมากกว่าที่ได้มีการคาดการณ์เดิม นอกจากนี้ กองทุนฯ ยังต้องดูแลราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ขนาดน้ำหนัก 15 กิโลกรัม 318 บาท/ถัง ไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2565 ส่งผลให้สถานะกองทุนฯ ล่าสุด  16 มกราคา2565 ติดลบ 8,782 ล้านบาท  แยกเป็นบัญชีน้ำมัน 15,340 ล้านบาท และเงินบัญชีแอลพีจีติดลบ 24,122 ล้านบาท 

 

จากผลกระทบต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้เงินกองทุนน้ำมันไหลออกต่อเดือนกว่า 4,600 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ ได้ประเมินราคาน้ำมินดิบดูไบไม่เกิน 87.50 บาทต่อดอลลาร์ ในกรณีที่จะควบคุมราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรซึ่งในขณะนี้ราคาก็ใกล้เคียงแล้ว ประกอบกับมีปัญหาอื่นเข้ามาทั้งค่าเงินบาทอ่อนค่าเกินคาดการณ์  ราคาไบโอดีเซล บี 100 ที่ทะลุ 60 บาทต่อลิตร โดยกองทุนฯ อุดหนุน 2.49 บาทต่อลิตร และภาษีสรรพสามิตจัดเก็บที่ 5.99 บาทต่อลิตร

 

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานเตรียมหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อขอพิจารณาลดภาษีน้ำมันดีเซล โดยก่อนหน้านี้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ก็ได้เคยเสนอลดภาษี 1-2 บาทต่อลิตร แต่ก็ได้ถูกปฏิเสธ แต่ด้วยสถานการณ์ขณะนี้  ปัญหานำ้มันแพงเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ควรร่วมกันลดภาระให้กับประชาชน

 

 

ขณะเดียวกันสภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) เปิดเผยในเวทีการสัมมนา “ราคาน้ำมันพุ่ง ก๊าซหุงต้มแพง วิกฤตมหากาพย์ผู้บริโภค” ว่า ราคาน้ำมันและแอลพีจียังคงปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รัฐบาลพยายามตรึงราคาด้วยการใช้เงินกองทุนน้ำมันไปชดเชย ทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันติดลบเกิน 8,700 ล้านบาทและเตรียมต้องกู้เงินมากถึง 2-3 หมื่นล้านบาทมาจัดการหนี้สินที่เกิดขึ้น

 

ซึ่งสอบ.ได้เสนอแนวทางดำเนินการ ไปยังรัฐบาล ใน2 ประเด็นคือ 1. ยกเลิกการกำหนดโครงสร้างราคาน้ำมันและแอลพีจีที่ผลิตในประเทศแต่ไปอิงราคาตลาดโลกและยังบวกค่าใช้จ่ายในการนำเข้าซึ่งเป็นต้นทุนเทียม เสมือนว่ามีการนำเข้าจากต่างประเทศไปเสียทั้งหมด และ 2. ปรับลดภาษีน้ำมันให้เป็นธรรมกับภาวะค่าครองชีพของประชาชนและราคาเชื้อเพลิงตลาดโลกที่สูงขึ้น